แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บุคคลในประวัติศาสตร์จีน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บุคคลในประวัติศาสตร์จีน แสดงบทความทั้งหมด

3/31/2566

เนื้อเพลงพร้อมแปล《诀别诗》 บทกวีอำลา - ยอดขุนพลตระกูลหยาง

เนื้อเพลง 诀别诗 juébié shī บทกวีอำลา

《诀别诗》Juébié shī "บทกวีอำลา" เป็นเพลงที่ร้องโดยนักร้องหูเยี่ยนปิน 胡彥斌 Húyànbīn โดยมีหลินเหวินเซวี่ยน  林文炫 Línwénxuàn  เขียนเนื้อเพลง เพลงนี้เปิดตัวเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2550 เป็นเพลงประกอบของละครทีวีเรื่อง 《少年杨家将》หรือ "Young General Yang"  ยอดขุนศึกตระกูลหยาง

ในปี 2550 เพลงนี้ได้รับรางวัล Top Ten Golden Melody Awards จาก Oriental Billboard ครั้งที่ 14 และเพลงยอดนิยม 20 อันดับแรกใน Global Chinese Songs Chart ครั้งที่ 7

词:林文炫 Línwénxuàn  เขียนเนื้อเพลง: หลินเหวินเซวี่ยน 

曲:胡彥斌 Húyànbīn  ขับร้อง:  หูเยี่ยนปิน

出鞘剑杀气荡 Chū qiào jiàn shāqì dàng ปลดกระบี่สังหารออกจากฝัก

风起无月的战场 Fēng qǐ wú yuè de zhànchǎng สายลมในสนามรบที่ไร้แสงจันทร์

千军万马独身闯 Qiān jūn wàn mǎ dúshēn chuǎng กองทัพนับพันเดินทัพเพียงลำพัง

一身是胆好儿郎 shēn shì dǎn hǎo er láng เกิดเป็นเด็กหนุ่มผู้กล้า

儿女情前世帐 Érnǚ qíng qiánshì zhàng บุตรธิดามีหนี้ตามติดแต่ปางก่อน

你的笑或者怎么忘 Nǐ de xiào huòzhě zěnme wàng จะลืมเลือนรอยยิ้มเจ้าได้อย่างไร 

美人泪断人肠 Měirén lèi duàn rén cháng หยาดน้ำตางดงามบาดใจ

这能取人性命是胭脂烫 Zhè néngqǔ rén xìngmìng shì yānzhī tàng พรากชีวิตเยาว์วัยไม่หวนคืน

诀别诗两三行 Juébié shī liǎng sān xíng บทกวีอำลา....เพียงสองสามบันทัด

写在三月春雨的路上 Xiě zài sān yuè chūnyǔ de lùshàng  เขียนบนเส้นทางแห่งสายฝนวสันตฤดู

若还能打着伞走在你的身旁 Ruò hái néng dǎzhe sǎn zǒu zài nǐ de shēn páng

หากได้ร่วมกางร่มเดินไปกับเจ้า

诀别诗两三行 Juébié shī liǎng sān xíng บทกวีอำลา....เพียงสองสามบันทัด

谁来为我黄泉路上唱 Shéi lái wèi wǒ huángquánlù shàng chàng ผู้ใดจะร่วมร้องเพลงไปสู่ปรโลก 

若我能死在你身旁 Ruò wǒ néng sǐ zài nǐ shēn páng หากสามารถได้ตายอยู่ข้างเจ้า

也不枉来人世走这趟 Yě bù wǎng lái rénshì zǒu zhè tàng มิเสียเปล่าแล้วที่ได้เกิดมา 

出鞘剑杀气荡 Chū qiào jiàn shāqì dàng ปลดกระบี่สังหารออกจากฝัก

风起无月的战场 Fēng qǐ wú yuè de zhànchǎng สายลมในสนามรบที่ไร้แสงจันทร์

千军万马独身闯 Qiān jūn wàn mǎ dúshēn chuǎng กองทัพนับพันเดินทัพเพียงลำพัง

一身是胆好儿郎 shēn shì dǎn hǎo er láng เกิดเป็นเด็กหนุ่มผู้กล้า

儿女情前世帐 Érnǚ qíng qiánshì zhàng บุตรธิดาที่มีหนี้ตามติดแต่ปางก่อน

你的笑或者怎么忘 Nǐ de xiào huòzhě zěnme wàng จะลืมเลือนรอยยิ้มเจ้าได้อย่างไร 

美人泪断人肠 Měirén lèi duàn rén cháng หยาดน้ำตางดงามจนบาดใจ

这能取人性命是胭脂烫 Zhè néngqǔ rén xìngmìng shì yānzhī tàng พรากชีวิตเยาว์วัยไม่หวนคืน

诀别诗两三行 Juébié shī liǎng sān xíng บทกวีอำลา....เพียงสองสามบันทัด

写在三月春雨的路上 Xiě zài sān yuè chūnyǔ de lùshàng 

เขียนบนเส้นทางแห่งสายฝนวสันตฤดู

若还能打着伞走在你的身旁 Ruò hái néng dǎzhe sǎn zǒu zài nǐ de shēn páng

หากได้ร่วมกางร่มเดินไปกับเจ้า

诀别诗两三行 Juébié shī liǎng sān xíng บทกวีอำลา....เพียงสองสามบันทัด

谁来为我黄泉路上唱 Shéi lái wèi wǒ huángquánlù shàng chàng ผู้ใดจะร่วมร้องเพลงสู่ปรโลก 

若我能死在你身旁 Ruò wǒ néng sǐ zài nǐ shēn páng หากสามารถได้ตายอยู่ข้างกายเจ้า

也不枉来人世走这趟 Yě bù wǎng lái rénshì zǒu zhè tàng มิเสียเปล่าแล้วที่ได้เกิดมา

诀别诗两三行 Juébié shī liǎng sān xíng บทกวีอำลา....เพียงสองสามบันทัด

写在三月春雨的路上 Xiě zài sān yuè chūnyǔ de lùshàng 

เขียนบนเส้นทางสายฝนแห่งวสันตฤดู

若还能打着伞走在你的身旁  Ruò hái néng dǎzhe sǎn zǒu zài nǐ de shēn páng

หากได้ร่วมกางร่มเดินไปกับเจ้า

诀别诗两三行 Juébié shī liǎng sān xíng บทกวีอำลา....เพียงสองสามบันทัด

谁来为我黄泉路上唱 Shéi lái wèi wǒ huángquánlù shàng chàng ผู้ใดจะร่วมร้องเพลงสู่ปรโลก 

若我能死在你身旁 Ruò wǒ néng sǐ zài nǐ shēn páng หากสามารถได้ตายอยู่ข้างเจ้า

也不枉来人世走这趟 Yě bù wǎng lái rénshì zǒu zhè tàng มิเสียเปล่าแล้วที่ได้เกิดมา

 

资料和图片来自:www.baidu.com

https://www.gushiciku.cn/dl/1giaX/zh-tw

6/20/2563

การก่อตั้งพรรคคคอมมิวนิสต์จีน 中国共产党成立

เดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 1920 เฉินตู๋ซิ่ว ดําเนินการก่อตั้งองค์การจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนพรรคแรกขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ จากนั้นมาก็ได้มีการจัดตั้งองค์การดังกล่าวขึ้นตามเมืองต่างๆ ตามมาอีก เช่น เป่ยจิง หูเป่ย ซานตง เป็นต้น และเตรียมการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติจีนขึ้น วันที่ 23 เดือน กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1321 คณะจัดตั้งพรรคร่วม 10 คน อาทิ เหมาเจ๋อตง เหอซูเหิง ต่งปี้อู่  เป็นต้น ร่วมประชุมลับที่เซี่ยงไฮ้ ในการประชุมได้หารือกันว่าโครงร่างภายในและจุดมุ่งหมายของการก่อตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็คือ ล้มล้างชนชั้นนายทุน โดยกองกําลังของชนชั้นกรรมมาชีพ  ก่อตั้งชนชั้นกรรมมาชีพเผด็จการ ล้มล้างระบอบกรรมสิทธิ์ และเป้าหมายสุดท้ายคือ นําไปสู่การล้มล้าง ความเหลื่อมลํ้าทางสังคม 
วันที่ 30 กรกฎาคม การประชุมถูกจับตามองจากทางการตํารวจ คณะกรรมการจึงพากันย้ายไปประชุม
กันต่อในเรือที่ล่องไปในทะเลสาบหนานหู เมืองเจียซิ่ง มณฑลเจ้อเจียง  การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้นําแสงสว่างและความหวังมาสู่ประชาชนชาวจีน
中国共产党成立
1920 年8月,陈独秀等人在上海发起成立了中国第一个共产党组织。此后北京、湖北、山东等地也相继成立了共产党组织,并筹
备建立统一的全国性共产党组织。1921 年7 月23日,毛泽东、何叔衡、董必武等十多位代表在上海秘密召开中国共产党成立大会。会议讨论通过了中国共产党的纲领,确定中国共产党的奋斗目标是:以无产阶级的革命军队推翻资产阶级,建立无产阶级专政,废除私有制,最终消灭阶级差别。7 月30日,会场受到了警察的搜查和密探的注意。代表们转移到浙江嘉兴南湖的一条游船上继续开会。中国共产党的成立给中国人民带来了光明和希望。
Zhōnɡɡuó ɡònɡchǎndǎnɡ chénɡlì 
1920 nián 8 yuè,chén dúxiù děnɡrén zài shànɡhǎi fāqǐ chénɡlì le Zhōnɡɡuó dì yíɡè ɡònɡchǎndǎnɡ zǔzhī。cǐhòu Běijīnɡ、Húběi、Shāndōnɡ děnɡdì yě xiānɡjì chénɡlì le ɡònɡchǎn dǎnɡzǔzhī,bìnɡ chóu   bèi jiànlì tǒnɡyī de quánɡuóxìnɡ ɡònɡchǎn dǎnɡzǔzhī。1921 nián 7 yuè 23 rì,Máo Zédōnɡ、hé shū hénɡ、dǒnɡbìwǔ děnɡ shí duō wèi dàibiǎo zài  Shànɡhǎi mìmì zhàokāi Zhōnɡɡuó ɡònɡchǎndǎnɡ chénɡlì dàhuì。huìyì tǎo lùn tōnɡ ɡuòle Zhōnɡɡuó ɡònɡchǎndǎnɡ de ɡānɡlǐnɡ,quèdìnɡ Zhōnɡɡuó ɡònɡchǎndǎnɡ de fèndòu mùbiāo shì:yǐ wúchǎn jiējí de ɡémìnɡ jūnduì tuīfān zīchǎn jiējí,jiànlì wúchǎn jiējí zhuānzhènɡ,fèichú sīyǒu    zhì,zuìzhōnɡ xiāomiè jiējí chābié。7 yuè 30 rì,huìchǎnɡ shòu dàole  jǐnɡchá de sōuchá hé mìtàn de zhùyì。dàibiǎo men zhuǎn yídào zhèjiānɡ jiāxīnɡ nánhú de yìtiáo yóu chuánshànɡ jìxù kāihuì。Zhōnɡɡuó ɡònɡchǎndǎnɡ de chénɡlì ɡěi Zhōnɡɡuó rénmín dàilái le ɡuānɡmínɡ hé xīwànɡ。 

ขอบพระคุณข้อมูลจาก คู่มือใช้สื่อการเรียนการสอนภาษาจีนจากสื่อมัลติมีเดีย
《汉语多媒体课件手册》มหาวิทยาลัยศิลปศาสตร์

6/06/2563

การก่อตั้งประเทศจีนใหม่ 新中国成立

การก่อตั้งประเทศจีนใหม่  
เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1949 มีการประชุมปรึกษาทางการเมืองของประชาชนจีน ครั้งที่ 1 ขึ้นที่เป่ยผิง การประชุมมีมติให้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยคัดเลือกให้เหมาเจ๋อตง  《毛泽东》เป็นประธานาธิบดีของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีให้เปลี่ยนชื่อเมืองจาก เป่ยผิง 《北平》เป็นเป่ยจิง 《北京》สถาปนาให้เป็นเมืองหลวงของประเทศ  ใช้ธงชาติที่เรียกชื่อว่า “ธงแดงห้าดาว” 《五星红旗》เป็นธงประจําชาติ วันที่ 1 เดือนตุลาคม จัดพิธีเปิดประเทศ ประชาชนกว่าสามแสนคนรวมตัวกันที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน《天安门广场》ประธานาธิบดีเหมา เจ๋อตง ยืนอยู่บนหอคอยเทียนอันเหมิน และประกาศต่อสากลโลกว่า “ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว” พร้อมทั้งได้เชิญธงแดงห้าดาวผืนแรกขึ้นสู่ยอดเสาด้วยตนเอง  จากนั้นเป็นพิธีตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ชาติจีน นับจากนี้ไปประชาชนจีนทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ  
新中国成立
1949 年9月,中国人民政治协商会议第一届全体会议在北平开幕,会议决定成立中华人民共和国,选举毛泽东为中华人民共和国中央人民政府主席。决定把北平改名为北京,作为中华人民共和国的首都。以五星红旗为国旗。10 月 1日举行开国大典,北京30 万群众齐集天安门广场。毛泽东站在天安门城楼上,向全世界庄严宣告:中华人民共和国中央人民政府成立了。他亲自升起了第一面五星红旗,接着举行了盛大的阅兵式。中华人民共和国的成立,揭开了中国历史的新篇章,人民从此成为国家的主人。
Xīn Zhōnɡɡuó chénɡlì
1949 nián 9 yuè,Zhōnɡɡuó rénmín zhènɡzhì xiéshānɡ huìyì dì yí jiè quántǐ huìyì zài běipínɡ kāimù,huìyì juédìnɡ chénɡlì zhōnɡhuá   rénmín ɡònɡhéɡuó,xuánjǔ Máo Zé  dōnɡ wéi zhōnɡhuá rénmín ɡònɡhéɡuó zhōnɡyānɡ rénmín zhènɡfǔ zhǔxí。juédìnɡ bǎ Běipínɡ ɡǎimínɡ wéi Běijīnɡ,zuòwéi zhōnɡhuá rénmín ɡònɡhéɡuó de shǒudū。yǐ wǔxīnɡ hónɡqí wéi ɡuóqí。10 yuè 1 rì jǔxínɡ kāiɡuó dàdiǎn,Běijīnɡ 30 wàn  qúnzhònɡ qíjí tiānānmén ɡuánɡchǎnɡ。Máo Zédōnɡ zhànzài tiānānmén chénɡ lóushànɡ,xiànɡ quánshìjiè zhuānɡyán xuānɡào:Zhōnɡhuá rénmín ɡònɡhéɡuó zhōnɡ yānɡ rénmín zhènɡfǔ chénɡlì le。tāqīnzì shēnɡ qǐle dì  yímiàn wǔxīnɡ hónɡqí,jiēzhe jǔ xínɡle shènɡdà de yuèbīnɡshì。 
Zhōnɡhuá rénmín ɡònɡhéɡuó de chénɡlì,jiē  kāi le Zhōnɡɡuó lìshǐ de xīnpiānzhānɡ,rénmín cónɡcǐ  chénɡwéi ɡuójiā de zhǔrén。
ขอบพระคุณข้อมูลจาก
คู่มือใช้สื่อการเรียนการสอนภาษาจีนจากสื่อมัลติมีเดีย
《汉语多媒体课件手册》มหาวิทยาลัยศิลปศาสตร์

6/05/2563

การปฏิวัติวัฒนธรรมจีน 中国的改革开放

การปฏิวัติของประเทศจีนเริ่มจากการปฏิวัติชนบท สู่การปฏิวัติเมือง จากการปฏิวัติระบบเศรษฐกิจสู่การปฏิวัติในทุกๆด้าน จากการทํางานภายในเข้าสู่การเปิดประเทศสู่ภายนอก เติ้งเสี่ยวผิง เป็นผู้นําในการปฏิวัติครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นนักออกแบบการปฏิวัติประเทศจีนคนสําคัญ เติ้งเสี่ยวผิง ได้เสนอนโยบาย “สร้างระบอบสังคมนิยมเอกลักษณ์ของชาติจีน” โดยมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจศูนย์กลางเพื่อดําเนินการพัฒนาสู่ความทันสมัย  สร้างระบอบเศรษฐกิจสังคมนิยมบนพื้นฐานของระบอบกรรมสิทธิ์ร่วมเป็นพื้นฐานสําคัญ  นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 1979 เป็นต้นมา สํานักนายกรัฐมนตรีได้ตั้งเขตเศรษฐกิจเมืองสําคัญๆ ต่างๆ เช่น กว่างตง ฝูเจี้ยน เสิ่นเจิ้น จูห่าย ซ่านโถว เซี่ยเหมิน เป็นต้น นับเป็ นเวลายี่สิบกว่าปี แห่งการปฏิวัติที่ผ่านมา การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคม พัฒนาไปอย่างมาก สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นตามลําดับ

5/04/2563

武则天 จักรพรรดินีบูเช็กเทียน

武则天是中国历史上唯一的女皇帝武则天 14岁被唐太宗皇宫太宗死后武则天被送进寺院尼姑太宗的儿子高宗当皇帝两年后把她从尼姑庵里接了出来,后来又她为皇后
武则天处理朝廷事务,趁机除掉了一些反对她的大臣高宗死后,武则就以太后名义管理朝政。公元 690年,武则天改国号为周,正式做了皇帝。武则天推行发展生产政策,还破格提拔许多有才能的人,政治经济得到了发展。但她重用武氏家族,大建寺院,也给百姓增加负担武则天去世前,在大臣的逼迫皇位传给了儿唐中宗
Wǔ Zétiān
Wǔ Zétiān shì zhōnɡɡuó lìshǐ shànɡ wéiyī de nǚ huánɡdì。WǔZétiān 14 suì bèi Tánɡtàizōnɡ zhāo jìn huánɡɡōnɡ,Tàizōnɡ sǐhòu Wǔ Zétiān bèi sònɡjìn sìyuàn zuò níɡū。Tàizōnɡ de érzi Gāozōnɡ dānɡ huánɡdì liǎnɡ niánhòu bǎ tā cónɡ níɡū ān lǐ jiē le chūlái,hòulái yòu
lì tā wéi huánɡhòu。
Wǔ Zétiān bānɡ Gāozōnɡ chúlǐ cháotínɡ shìwù,chènjī chú diàole yìxiē fǎnduì tāde dàchén。Gāozōnɡ sǐhòu,Wǔ Zétiān jiù yǐ tàihòu de mínɡyì ɡuánlǐ cháozhènɡ。ɡōnɡyuán 690 nián,Wǔ Zétiān ɡǎiɡuóhào wéi zhōu,zhènɡshì zuòle huánɡdì。wǔ zétiān tuīxínɡ fāzhǎnshēnɡchǎn de zhènɡcè,hái pòɡé tíbá xǔduō yǒucáinénɡ de rén,zhènɡzhìjīnɡjì dé dàole fāzhǎn。dàn tā zhònɡyònɡ Wǔshì jiāzú,dàjiàn sìyuàn,yě ɡěi lǎobǎixìnɡ zēnɡ jiāle fùdān。Wǔ Zétiān qùshì qián,zài dàchén de bīpò xià jiānɡ huánɡwèi chuán ɡěile érzi tánɡ zhōnɡzōnɡ。

อู่เจ๋อเทียน (บูเช็กเทียน)
บูเช็กเทียน เป็นจักรพรรดินีเพียงหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์จีน ได้ถูกพระเจ้าถังไท่จงเรียกตัวเข้าวังตั้งแต่อายุ 14 หลังจากที่พระเจ้าถังไท่จงเสด็จสวรรคตแล้ว บูเช็กเทียนก็ถูกส่งไปเป็นภิกษุณีในวัด ต่อมาเมื่อพระเจ้าเกาจงโอรสแห่งถังไท่จงเสด็จขึ้นครองราชย์ได้ 2 ปี ก็ได้ไปรับภิกษุณีบูเช็กเทียนออกจากวัด และได้สถาปนาให้เป็นฮองเฮา บูเช็กเทียนได้ช่วยพระเจ้าเกาจงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย และถือโอกาสกำจัดบรรดาขุนนางที่คิดต่อต้านพระนาง หลังจากที่พระเจ้าเกาจงเสด็จสวรรคต พระนางบูเช็กเทียนก็ได้ใช้อำนาจแห่งไทเฮา สำเร็จราชการ ในปี คศ. 690  บูเช็กเทียนได้เปลี่ยนปีศักราชของประเทศเป็นศักราชโจว และได้สถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดินี บูเช็กเทียนได้สนับสนุนให้ใช้นโยบายที่เกี่ยวกับการพัฒนากำลังการผลิต และเลื่อนตำแหน่งบรรดาบุคคลที่มีความสามารถเป็นกรณีพิเศษ ทำให้เศรษฐกิจพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าพระนางนั้นมีใจลำเอียงต่อญาติมิตรของตน 

นอกจากนี้ ยังมีพระราชโองการให้ราษฎร สร้างวัดวาอารามเป็นจำนวนมาก ทำให้อาณาประชาราษฎร์เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ก่อนที่พระนางบูเช็กเทียนจะเสด็จสวรรคต ก็ได้ถูกบรรดาขุนนางบีบบังคับ ให้ยกราชบัลลังก์ให้แก่พระโอรสถังจงจง 

คำศัพท์
唯一 wéiyī เป็นหนึ่งเดียว, เพียงหนึ่งเดียว
皇帝 Huángdìจักรพรรดิ
招进 zhāò jìn เรียกเข้าไปอยู่
皇宫 huánggōng พระราชวังหลวง
寺院 sìyuàn วัด
尼姑 nígū แม่ชี
尼姑庵 nígū ān อารามนางชี
แต่งตั้ง
皇后 huánghòu ฮองเฮา, จักรพรรดินี, พระอัครมเหสี
处理 chǔlǐ จัดการกับ
朝廷 cháotíng ราชสำนัก
趁机 chènjī ใช้โอกาส, ถือโอกาส
除掉 chú diào กำจัด
反对 fǎnduì ฝ่่ายค้าน, คัดค้าน
大臣 dàchén ขุนนาง
太后 Tàihòu ไทเฮา, เป็นพระอิสริยยศของพระชนนีพันปีหลวงของจักรพรรดิจีน, ตำแหน่งพระมารดาในจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน
名义 míngyì ชื่อ
管理 guǎnlǐ การจัดการ
朝政 cháozhèng พระราชกรณียกิจของราชสำนัก
正式 zhèngshì อย่างเป็นทางการ, เป็นทางการ
推行 tuīxíng ดำเนินการ, ผลักดัน
发展 fāzhǎn พัฒนา
生产 shēngchǎn ผลิต,การผลิต
政策 zhèngcè นโยบาย
破格 pògé ยกเว้น, ให้อภิสิทธิ์
提拔 tíbá เลื่อนตำแหน่ง
许多 xǔduō จำนวนมาก
政治 zhèngzhì ในทางการเมือง
经济 jīngjì เศรษฐกิจ
重用 zhòngyòng ให้ความสำคัญ
武氏家族 Wǔ shì jiāzú ครอบครัวตระกูลอู่
老百姓 lǎobǎixìng ประชาชน
增加 zēngjiā เพิ่ม
负担 fùdān ภาระ
逼迫 bīpò บีบบังคับ
jiāng นำ, เอา, จะ...
皇位 huángwèi ราชบัลล้งก์
传给 chuán gěi ส่งต่อ, มอบต่อ

เครดิตภาพจาก ซีรีย์ 《武媚娘传奇》 范冰冰版
ข้อมูล วิกิพีเดีย

4/30/2563

ตำแหน่งนางในราชสำนักจีน

ถ้าคุณเห็นจำนวนหญิงขององค์จักรพรรดิในราชสำนักจีนสมัยราชวงศ์ถังแล้ว หนุ่มๆ อย่าได้อิจฉาพระองค์ไป เพราะนอกจากจะทรงมี องค์จักรพรรดินี หรือพระอัครมเหสีแล้ว ยังมี พระมเหสีรองๆ อีก 4, พระสนมเอกอีก 9,พระสนมขั้น 3-5 อีก 27 และสนมขั้น 6-9 อีก 81 คน ลองรวมตัวเลขดูเอาเองนะเพคะ ว่าเป็นชายที่มีภรรยากี่คนกัน???? 
คราวนี้ มาดูตำแหน่งต่างๆ ของผู้หญิง ที่อยู่ในราชสำนักจีนสมัยราชวงศ์ถัง พอจะสรุปได้ดังนี้ค่ะ

3/31/2559

รำลึกถึงชวีหยวน (屈原)

端午 duān wǔ ตวนอู่ วันกวีแห่งชาติ รำลึกถึงชวีหยวน (屈原) Qū yuán
วันขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 ในปฏิทินการเกษตรของจีน เรียกว่า วันตวนอู่ 端午

端 คือ ช่วงต้น, เดือน 5 เรียกว่าเดือน 午, และเวลา 午 ถือเป็นเวลา 阳 จึงเรียกว่าวัน 端阳 อีกชื่อหนึ่ง และเดือน 5 ซ้อนกับวันที่ 5 จึงเรียกวันฉงอู่ 重午 ด้วย ถือเป็นหนึ่งในสามเทศกาลใหญ่ของชาวจีน (อีกสองเทศกาลคือ 春节 Chūn jié และ 中秋节 Zhōng qiū jié)

12/12/2558

怀念邓丽君 คิดถึงเติ้งลี่จวิน (จบตอน)

สวัสดีค่ะ 
วันนี้เราตามมาดูห้องพักที่เติ้งลี่จวินเคยพักกันนะคะ เริ่มจากห้องแรก ห้องรับแขกก่อนค่ะ 
เจ้าหน้าที่ของโรงแรมพาไปชม ห้องหมายเลข 1502 ซึ่งชื่อเดิมคือห้อง Royal Princess Suite 
ปัจจุบันเพิ่มเติมชื่อเป็น Teresa Teng Suite ค่ะ

 
หน้าห้อง Teresa Teng Suite

12/10/2558

怀念邓丽君 คิดถึงเติ้งลี่จวิน ตอนที่ 2

วันนี้แอดมินได้มีโอกาสไปโรงแรม ดิอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่ค่ะ และได้ขึ้นไปชั้นที่ 15 เพื่อเข้าชมห้อง Royal Princess Suite # 1502 ซึ่งเป็นห้องที่นักร้องสาว เติ้งลี่จวินโปรดปราน และเข้าพักเป็นประจำทุกครั้งที่มาเชียงใหม่ 

ด้านนอกของโรงแรม ดิอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่ ค่ะ

12/07/2558

怀念邓丽君 คิดถึงเติ้งลี่จวิน ตอนที่ 1

ประวัติคร่าวๆ ของเติ้งลี่จวิน ขออนุญาติคัดลอกมาจาก วิกิพีเดีย แล้วโพสต์ไว้ในนี้นะค๊ะ
เติ้ง ลี่จวิน หรือ เทเรซา เติ้ง 
(จีนตัวย่อ: 邓丽君; จีนตัวเต็ม: 鄧麗君) 
พินอิน: Dèng Lìjūn 
ญี่ปุ่น: テレサ・テン, 
29 มกราคม พ.ศ. 2496 – 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 

นักร้องเพลงจีนสากลชาวไต้หวันชื่อดังและมีอิทธิพลอย่างสูง เธอเกิดที่ เมืองเป่าจง มณฑลหยุนหลิน สาธารณรัฐจีน โดยบรรพบุรุษของเธอมาจากมณฑลเหอเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เสียงและเพลงของเธอเป็นที่จดจำทั่วทั้งเอเชียตะวันออกและในหมู่ชาวจีนทั้งในประเทศจีน ไต้หวัน และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก จนมีคำกล่าวว่า "มีชาวจีนอยู่ที่ไหน ก็จะได้ยินเพลงของเติ้ง ลี่จวินที่นั่น" นอกจากนี้ เพลงของเธอยังเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวญี่ปุ่น ชาวเกาหลี ชาวไทย ชาวเวียดนาม ชาวมาเลเซีย และชาวอินโดนีเซียจำนวนมากเช่นกัน
เติ้ง ลี่จวิน มีชื่อเสียงจากบทเพลงรัก และเพลงพื้นเมืองภาษาหมิ่นหนาน (ภาษาฮกเกี้ยน) เพลงที่โด่งดังจนรู้จักกันทั่วไปทั่วเอเชีย ได้แก่เพลง เถียนมี่มี่ (甜蜜蜜, tián mì mì แปลว่า หวานปานน้ำผึ้ง) และเพลง เยว่เหลียงไต้เปี่ยวหวอเตอซิน (月亮代表我的心, yuè liàng dài biǎo wǒ de xīn แปลว่า พระจันทร์แทนใจฉัน) ไม่เพียงเพลงภาษาจีนกลางเท่านั้น เธอยังเคยมีผลงานเพลงภาษาไต้หวัน ภาษากวางตุ้ง ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเวียดนาม ภาษาอินโดนีเซีย และภาษาอังกฤษด้วย
เติ้ง ลี่จวิน เสียชีวิตอย่างกะทันหันเนื่องจากโรคหอบหืด ขณะเดินทางมาพักผ่อนที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 ขณะอายุได้เพียง 42 ปี


การเสียชีวิตและการรำลึก
ตั้งแต่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เติ้ง ลี่จวิน ป่วยด้วยโรคหอบหืดเรื้อรังมาตลอด จนในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 เติ้ง ลี่จวิน เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยโรคหอบหืดขั้นรุนแรง ขณะมาพักผ่อน ณ โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย ด้วยอายุ 42 ปี (43 ปีตามปฏิทินจีน)

พิธีศพของเติ้ง ลี่จวิน ถูกจัดขึ้นแบบรัฐพิธี โลงศพขอเธอถูกคลุมด้วยธงชาติสาธารณรัฐจีน โดยอดีตประธานาธิบดีลีเต็งฮุย และประชาชนจำนวนหลายพันเข้าร่วมพิธีด้วยความอาลัยรัก
ศพของเติ้ง ลี่จวิน ถูกฝังที่สุสานจินเป่าซาน อันเป็นสุสานติดภูเขาในเมืองจินซาน มณฑลไทเป ทางตอนเหนือของไต้หวัน ป้ายหลุมศพมีรูปปั้นของเติ้ง ลี่จวิน และคีย์บอร์ดเปียโนไฟฟ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่พื้น เมื่อมีคนเหยียบที่แต่ละแป้น จะมีเสียงออกมาต่างกัน แม้ว่าชาวจีนจะเชื่อว่าควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสุสานก็ตาม แต่สุสานของเธอมักมีแฟนเพลงจากทั่วโลกเข้ามาเคารพและรำลึกถึงเธออยู่เสมอ

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2545 ได้มีการเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งของ เติ้ง ลี่จวิน ที่พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซส์ ฮ่องกง

ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ได้มีการจัดคอนเสิร์ต “15 ปี เติ้งลี่จวิน A Special Tribute” ขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยมีนักร้องชาวไทย 13 ขึ้นขับกล่อมบทเพลงของเติ้ง ลี่จวิน เพื่อเป็นการรำลึกการจากไปครบ 15 ปีของเธอ


 

ขอบพระคุณ บทความและภาพจากวิกิพีเดีย
Credit ภาพเติ้งลี่จวินจาก Google ค้นรูป

3/01/2558

รู้เรื่องเมืองจีน:ครอบครัว 421

随着80年代出生的第一代独生子女到了结婚,生孩子的年龄,
一种新的家庭 —— “421 家庭” 慢慢成为中国家庭的主流。就是一家庭有四个老人,
一对夫妻和一个孩子。

นับจากปีคศ.1980 เป็นต้นมา คนที่เกิดในรุ่นนี้ซึ่งจะเป็นลูกคนเดียวของบ้านจะถึงวัยที่ต้องแต่งงานและมีลูก ทำให้สังคมจีนเกิดรูปแบบของครอบครัวแบบใหม่ที่เรียกว่า
“421 家庭 ครอบครัว 421” 

ครอบครัว 421 คือ 1 ครอบครัวจะประกอบไปด้วย
คนแก่ 4 คน คือ ปู่ ย่า ตา ยาย (=4), 
พ่อแม่ (=2) 
และลูก 1 คน



ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาคือภาระเลี้ยงดูที่ต้องตกอยู่กับลูกคนเดียว ซึ่งต้องเลี้ยงดูคนถึง 6 คน รัฐบาลจีนจึงเริ่มประกาศอนุญาตให้มีบุตรคนที่สองได้

บุคคลในประวัติศาสตร์จีน:包拯 เปาบุ้นจิ้น


我是包公的猫咪 Wŏ shì Bāo gōng de māo mi 
ป๋มเป็นมะเหมียวของท่านเปาก๊าบ 
包公Bāo gōng เปากง หรือท่านเปาที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม เปาบุ้นจิ้นนั้น มีชื่อเสียงเรียงนามว่า 包拯 Bāo zhěng เปาเจิ่ง ก๊าบ

1/15/2558

杨家将 ขุนศึกตระกูลหยาง

จีนตัวย่อ: 杨家将; จีนตัวเต็ม: 楊家將; พินอิน: Yáng Jiā Jiàng
เป็นเรื่องเล่าที่เป็นเสมือนตำนานในประวัติศาสตร์จีน ในยุคของราชวงศ์ซ่งเหนือ
เรื่องราวขุนศึกตระกูลหยางเขียนขึ้น โดย ถัวถัว นักเขียนชาวมองโกล ในยุคราชวงศ์หยวน โดยอ้างอิงมาจากหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ซ่งที่ชื่อ History of Song เป็นเรื่องราวของครอบครัวแซ่หยาง (杨) ที่รับราชการทหารมาตลอดทั้งตระกูลถึง 3 ชั่วอายุคน มีความจงรักภักดีและพร้อมตายในสนามรบได้อย่างสมศักดิ์ศรี อีกทั้งเมื่อเหล่าผู้ชายตายหมดแล้ว ผู้หญิงซึ่งเป็นภรรยาม่ายหรือลูกหลานในตระกูลก็รับหน้าที่ต่อแทน
ภาพประกอบ จากภาพยนตร์ "忠烈杨家将"

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่ ในรัชสมัย ซ่งไท่จงฮ่องเต้ อันเป็นฮ่องเต้รัชกาลที่ 2 ของราชวงศ์ซ่งเหนือ เสด็จยกทัพไปปราบปราม เล่ากึน แห่งราชวงศ์โฮ่วฮั่น หยางเย่ (杨业) หรือ เอียเลงก๋ง (楊業) ซึ่งเป็นเจ้าเมืองซัวอ๋าวยกกองทัพมาช่วยเล่ากึน สงครามจึงสงบกันไปคราวหนึ่ง เมื่อฮ่องเต้ซ่งไท่จู่สวรรคต เจ้ากวงอี้ พระอนุชาได้ขึ้นครองราชย์แทน เถลิงพระนามว่า ซ่งไท่จงฮ่องเต้

ต่อมา ซ่งไท่จูเสด็จยกกองทัพหลวงไปตีเมืองปักหั้นอีก คราวนี้เกลี้ยกล่อม หยางเย่ กับบุตรชายทั้ง 7 คนมาเข้ากับตนไว้ได้ หลังจากนั้นได้ยกทัพไปปราบเมืองไซเหลียวต่อไป เมื่อซ่งไท่จูฮ่องเต้ถูกล้อมอยู่ในระหว่างศึก หยางเย่กับบุตรก็ช่วยกันแก้ไขเอาออกมาได้ แต่ต้องสู้กับข้าศึกจน หยางต้าหลาง, หยางเอ้อหลาง, หยางซันหลาง ซึ่งเป็นบุตรชายคนโต, คนที่ 2 และ 3 ต้องตายกลางสนามรบ

ส่วน หยางอู่หลาง บุตรชายคนที่ 5 ได้หนีไปบวชจึงรอด ส่วน หยางซื่อหลาง บุตรชายคนที่ 4 ถูกชาวฮวนจับเอาไป เหลือแต่ตัวของหยางเย่ย, หยางซื่อหลาง และหยางลิ่วหลาง เท่านั้นที่รอดกลับมาได้ ฮ่องเต้ซ่งไท่จูจึงโปรดให้สร้างบ้านและมอบเครื่องแสดงเกียรติยศต่าง ๆ ให้ ภายหลังหยางเย่กับหยางซื่อหลางถูก พานเหรินเหม่ย ซึ่งเป็นขุนนางที่เป็นเสมือนคู่ปรับของตระกูลหยางกำจัด คงเหลือแต่หยางลิ่วหลาง บุตรชายคนที่ 6 เพียงคนเดียว ฮ่องเต้ซ่งไท่จู อยู่ในราชสมบัติได้ 22 ปีก็เสด็จสวรรคต
ต่อมาในรัชกาล ซ่งไท่จงฮ่องเต้ โปรดให้หยางลิ่วหลางเป็นแม่ทัพไปปราบปรามเมืองไซเหลียวและเมืองไซฮวนได้มาเป็นเมืองขึ้น

เมื่อหยางลิ่วหลางตาย เมืองไซฮวนกลับกำเริบขึ้นอีก ครั้งนี้เป็น หยางจงเป่า ซึ่งเป็นบุตรชายของหยางลิ่วหลางพร้อมกับพวกหญิงม่าย ผู้ซึ่งเคยเป็นภรรยาของพี่น้องตระกูลหยางที่สิ้นชีพไปแล้วทั้งหมด รวมทั้ง ภรรยาของหยางจงเป่า คือ มู่กุ้ยอิง นำทัพปราบปรามเอง ซึ่งภายหลังเมืองไซฮวนก็ได้สยบมอบต่อ
ราชวงศ์ซ่ง บ้านเมืองถึงยุคสงบสุข ไร้ซึ่งเสี้ยนหนามแผ่นดิน บรรดาขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวงก็ล้วนแต่ซื่อสัตย์ มีความจงรักภักดี ฝ่ายพลเรือนมี โขวจุ้น เป็นขุนนางใหญ่ ฝ่ายกลาโหมมี หยางจงเป่า ได้บังคับบัญชาการงานทั้งปวงโดยสิทธิ์ขาดทั้งหมด


เรื่องราวของขุนศึกตระกูลหยางได้รับการถ่ายทอดในลักษณะบอกเล่าเป็นนิทานและเป็นการแสดงในการละเล่นอุปรากรของจีนต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มีการต่อเติมเรื่องราวให้มีสีสันจากเดิม เช่น การเพิ่มบทของความรักระหว่าง หยางซื่อหลาง บุตรชายคนที่ 4 ของตระกูลกับเจ้าหญิงเมืองไซเหลียว ซึ่งเป็นข้าศึก หรือการที่มี เปาบุ้นจิ้น หรือ อ๋องแปด ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่มีตัวตนจริงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เป็นต้น เนื่องจากเป็นบุคคลร่วมสมัยกัน

ในวัฒนธรรมร่วมสมัยได้ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์หรือซีรีส์ชุดต่าง ๆ มากมาย อาทิ The 14 Amazons ในปี ค.ศ. 1972, The Yang's Saga ของ TVB ในปี ค.ศ. 1985 นำแสดงโดยนักแสดงที่มีชื่อเสียงหลายคน อาทิ หลิว เต๋อหัว, หวง เย่อหัว, เหมียว เฉียวเหว่ย, เหลียง เฉาเหว่ย ร่วมด้วย โจว เหวินฟะ และทัง เจิ้นเย่, Heroic Legend of the Yang's Family ของ ATV ในปี ค.ศ. 1994 นำแสดงโดย ฉี เส้าเฉียน, Warriors of The Yang Clan ในปี ค.ศ. 2004 นำแสดงโดย ตี้หลุง และภาพยนตร์ทุนสร้างสูงในปี ค.ศ. 2012 เรื่อง Saving General Yang นำแสดงโดย เจิ้ง อี้เจี้ยน และเจิ้ง เส้าชิว เป็นต้น
ข้อมูล วิกิพีเดีย



1/13/2558

武则天 จักรพรรดินี อู่เจ๋อเทียน


武则天 อู่ เจ๋อเทียน ตามสำเนียงกลาง หรือ บูเช็กเทียน ตามสำเนียงฮกเกี้ยน
อังกฤษ: Wu Zetian หรือ Wu Tse-tian
จีนตัวย่อ: 武则天
จีนตัวเต็ม: 武則天
พินอิน: Wǔ Zé tiān
สมภพเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 624
สิ้นพระชนม์ 16 ธันวาคม ค.ศ. 705


อู่เจ๋อเทียน มีพระนามเดิมว่า อู่ เจ้า (อังกฤษ: Wu Zhao หรือ Wu Chao;
จีน: 武曌; พินอิน: Wǔ Zhào
และ อู่ เฮ่า (อังกฤษ: Wu Hou; จีนตัวย่อ: 武后; จีนตัวเต็ม: 武后; พินอิน: Wǔ Hòu

ในราชวงศ์ถังมักออกพระนามว่า นางพระยาฟ้า 天后; พินอิน: Tiān Hòu) และในสมัยต่อมาว่า
พระนางอู่ (อังกฤษ: Empress Wu; 武后; พินอิน: Wǔ Hòu)


ทรงเป็นสตรีพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์จีนอันยาวนานกว่า 4,000 ปี ที่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินจีน
ในแผ่นดินของพระภัสดาและพระราชบุตรของพระนางระหว่างปี ค.ศ. 665 ถึง 690 พระนางทรงปกครองจีนโดยพฤตินัย ต่อมาในปี ค.ศ. 690 ถึง 705 พระนางทรงสถาปนาราชวงศ์ของพระนางเอง คือ ราชวงศ์โจว (周 Zhōu ) หรือในประวัติศาสตร์จีนเรียกว่า ราชวงศ์อู่โจว และเฉลิมพระนามพระนางเองว่าเป็น "สมมุติเทวะ" (อังกฤษ: Sacred and Divine Empress Regnant; จีน:聖神皇帝; พินอิน: Shèng shén huángdì)[13] อันเป็นการละเมิดประเพณีแต่โบราณและยังทำให้ราชวงศ์ถังสะดุดหยุดลงระยะหนึ่ง
นักประวัติศาสตร์ผู้นิยมลัทธิขงจื๊อจึงประณามพระนางเป็นอย่างมาก


พระนางบูเช็กเทียนทรงมีตำแหน่งสำคัญทั้งในสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิถังไท่จง (唐太宗; Táng Tàizōng; ค.ศ. 598–649) จักรพรรดิองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์ถัง และสมเด็จพระจักรพรรดิถังเกาจง (唐高宗; พินอิน: Táng Gāozōng, ค.ศ. 649-683) พระราชโอรสองค์ที่ 9 ของจักรพรรดิไท่จง จักรพรรดิองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์ถัง โดยแรกเริ่มทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระสนมของสมเด็จพระจักรพรรดิไท่จง เมื่อจักรพรรดิไท่จงสิ้นพระชมน์ลงในเวลาต่อมา พระนางจึงได้อภิเษกสมรสกับสมเด็จพระจักรพรรดิเกาจงเมื่อปี ค.ศ. 655 และได้รับการขนานพระนามว่า "พระมเหสีแห่งเกาจง (จีน: 高宗夫人; อังกฤษ: Gaozong's furen)" (คำว่า "夫人" มีความหมายว่า "พระนาง" "พระมเหสี" หรือ "คู่สมรสพระองค์แรก")


ในปี ค.ศ. 690 หลังจากจักรพรรดิเกาจงสิ้นพระชมน์และผ่านการต่อสู้แย่งชิงพระราชอำนาจนานกว่า 7 ปี ในที่สุดพระนางได้ทรงตั้งตนขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีพระองค์แรกในประวัติศาสตร์จีน รวมถึงประกาศเปลี่ยนราชวงศ์ถังเป็นราชวงศ์โจวตั้งแต่นั้นมา และทรงสิ้นพระชนม์ลงเมื่อปี ค.ศ. 705

ในช่วงที่พระนางบูเช็กเทียนเป็นผู้นำทั้งด้านการปกครองและการทหาร มีการขยายอำนาจของจีนออกไปเป็นอันมากเกินกว่าอาณาเขตดินแดนเดิมที่เคยมีมา ไปถึงบริเวณทวีปเอเชียกลาง (Central Asia) รวมถึงการครอบครองพื้นที่แถบคาบสมุทรเกาหลีเหนือ (the upper Korean Peninsula) ส่วนภายในประเทศจีนเอง แม้จะมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการไขว่คว้าเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจของพระนางทั้งในการสู้รบ ปราบปรามกบฎ และลงโทษประหารชีวิต แต่พระนางได้ทรงพัฒนาประเทศโดยการส่งเสริมและเผยแพร่ระบบการสอบจอหงวนเพื่อส่งเสริมให้บัณฑิตผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามารับราชการบริหารประเทศโดยไม่คำนึงถึงชนชั้น[15] ส่งเสริมและยกระดับบทบาทของสตรีเพศโดยเปิดโอกาสให้เข้ารับตำแหน่งราชการในระดับสูง นอกจากนี้พระนางยังให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนด้วยการลดภาษีอากรที่กดขี่ ส่งเสริมการเกษตรและการสร้างงาน[15] ทำให้ประเทศจีนในยุคของพระนางมีความเข้มแข็งและพัฒนาด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว

พระนางบูเช็กเทียนทรงส่งเสริมและให้ความสำคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็นศาสนาประจำชาติ จนจัดให้มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถ้ำ เช่น ถ้ำผาหลงเหมิน กล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาได้รับการพัฒนาอย่างสูงสุดในประเทศจีนในช่วงยุคของพระนางนั่นเอง[15]

นอกจากในฐานะผู้นำทางการเมืองพระนางบูเช็กเทียนยังมีชีวิตครอบครัวที่โดดเด่น แม้ว่าในบางครั้งความสัมพันธ์ในครอบครัวจะเป็นปัญหาให้แก่พระนาง ทรงมีพระโอรส 3 พระองค์ซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองราชย์บัลลังก์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิ และพระนัดดาของพระนางคือ สมเด็จพระจักรพรรดิถังเสวียนจง (อังกฤษ: Emperor Xuanzong of Tang; จีน: 唐玄宗; พินอิน: Táng xuánzōng) แห่งราชวงศ์ถัง กษัตริย์ผู้ปกครองหนึ่งใน "ยุคทอง (Golden Age)" แห่งประวัติศาสตร์จีน


เกี่ยวกับพระนาม

พระนางบูเช็กเทียน หรืออู่เจ๋อเทียน ทรงมีพระนามเดิมว่า อู่เจ้า (Wu Zhao) (บางครั้งใช้ตัวอักษรจีนว่า "武曌" (พินอิน: Wǔ Zhào) หากว่าตัวอักษรที่ใช้จริงไม่เป็นที่ปรากฏชัด อย่างไรก็ตามคำว่า "เจ้า" ไม่ได้ใช้ตัวอักษร "瞾" เนื่องจากตัวอักษรนี้เป็นอักษรที่มีการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในสมัยของพระนางบูเช็กเทียนเอง) ส่วนแซ่หรือนามสกุลของพระนางคือ "อู่" "ซึ่งยังคงใช้อยู่แม้ว่าจะทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระจักรพรรดิเกาจง ซึ่งอยู่ในราชสกุล หลี่

ต่อมาสมเด็จพระจักรพรรดิไท่จงทรงพระราชทานพระนามให้แก่พระนางบูเช็กเทียนว่า "เม่ย" (อังกฤษ: Mei; จีน: 媚; พินอิน: Mèi) มีความหมายว่า "น่ารัก" ทำให้ในปัจจุบัน ประชาชนจีนมักเอ่ยพระนามของพระองค์ว่า อู่เหม่ย (Wu Mei) หรืออู่เหม่ยเนียง (อังกฤษ: Wu Meiniang; จีน: 武媚娘; มีความหมายตามตัวอักษรว่า สตรีแซ่อู่ที่มีเสน่ห์) เมื่อกล่าวถึงชีวิตในวัยเยาว์ของพระองค์ และจะใช้ชื่อเรียกพระนามว่า พระนางบู (อังกฤษ: Empress Wu; จีน: 武后) เมื่อกล่าวถึงพระนางในช่วงที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระมเหสี (หรือฮองเฮา) และพระพันปี (หรือไทเฮา) แล้ว ส่วนการใช้คำว่า อู่เจ๋อเทียน (อังกฤษ: Wu Zetian; จีน: 武則天) จะใช้เมื่อกล่าวถึงพระองค์ในขณะดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินี

ข้อมูลจากสาระนุกรม วิกีพีเดีย
ภาพจาก 电视剧  [[武媚娘传奇]]

12/05/2557

黄飞鸿 วีรบุรุษหวงเฟยหง

วีรบุรุษสำคัญที่มีชื่อเสียงของจีน "黄飞鸿"
หวง เฟยหง (สำเนียงจีนกลาง) หรือ หว่อง เฟฮง (สำเนียงกวางตุ้ง)
(จีนตัวเต็ม: 黃飛鴻; จีนตัวย่อ: 黄飞鸿; พินอิน: Huáng Fēihóng;
เป็นปรมาจารย์กังฟูที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์จีน
(9 กรกฎาคม ค.ศ. 1847 — 25 มีนาคม ค.ศ. 1924) มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจากภาพยนตร์กำลังภายใน ในฐานะที่เป็นวีรบุรุษต่อสู้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีชาวจีนจากการคุกคามของชาวตะวันตกในยุคล่าอาณานิคม เช่นเดียวกับ หง ซีกวน และ ฮั่ว หยวนเจี๋ย

หวง เฟยหง เกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 1847 ตรงกับปีที่ 25 ในรัชสมัยฮ่องเต้เต้ากวง แห่งราชวงศ์ชิง (บางข้อมูลบอกว่า เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1856 ตรงกับปีที่ 6 ในรัชสมัยฮ่องเต้เสียนเฟิง) ที่หมู่บ้านหลูเจ้า ใกล้ภูเขาสีเฉียว เมืองฝอซาน มณฑลกวางตุ้ง เป็นบุตรของหวง ฉีอิง (黃麒英, หว่อง เข่ยฺ เย้ง ในสำเนียงกวางตุ้ง) ซึ่งเป็นปรมาจารย์กังฟูผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม "10 พยัคฆ์กวางตุ้ง" (伏虎拳) ที่มีชื่อเสียงเช่นกัน

ถึงแม้จะเป็นบุตรของปรมาจารย์กังฟู แต่ หวง ฉีอิง ก็มิได้ถ่ายทอดวิทยายุทธให้แก่บุตรชาย ด้วยเหตุผลที่ไม่แน่ชัดนัก หวง เฟยหง ได้มีอาจารย์สอนวิชากำลังภายในให้คือ ลู่ อาไฉ (陸阿采) ผู้เป็นสหายร่วมสำนักเส้าหลินกับ หง ซีกวน (洪熙官) วีรบุรุษกังฟูที่มีชื่อเสียงอีกคน ถ่ายทอดวิชามวย "หงฉวน" (洪拳) โดยมีกระบวนท่าที่มีชื่ออย่าง "หมัดพยัคฆ์ดำ-กะเรียนขาว" (黑虎拳, 白鶴拳) ให้
นอกจากได้ ลู่ อาไฉเป็นอาจารย์แล้ว ในวัยเยาว์ หวง เฟยหง ยังได้ร่ำเรียนวิชาหงฉวนเพิ่มเติมจาก    หล่ำ ฟกซิง (Lín Shìróng, 林世榮) จากนั้นก็ได้รับการสั่งสอนเพิ่มเติมจาก หวง ฉีอิง ผู้เป็นบิดา
ในวัยเด็กครอบครัวของ หวง เฟยหง มีฐานะยากจน ต้องตระเวนรอนแรมไปเปิดทำการแสดงวิชาฝีมือและขายยาตามท้องถนน โดยสรุปแล้วชีวิตในช่วงวัยเยาว์และวัยหนุ่มของ หวง เฟยหง เป็นระยะเวลาของการฝึกฝนวิชาฝีมือต่อสู้ป้องกันตัว และการรับมรดกสืบทอดวิชาแพทย์จากบิดา ซึ่งเป็นแพทย์แผนโบราณที่ได้รับการยกย่องนับถือ

หวง เฟยหงได้สร้างวีรกรรมอันลือชื่อขึ้นมา 2 เหตุการณ์ที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อ หวง เฟยหง มีอายุ 16 ปี มีชาวตะวันตกกลุ่มหนึ่งคิดค้นกิจกรรมสร้างความบันเทิง โดยฝึกฝนสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด จนดุร้ายกระหายเลือด จากนั้นก็เปิดเวทีท้าประลองให้ชาวจีนสู้กับสุนัข ผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลมูลค่าสูง แต่หากพลาดพลั้งบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ก็ถือเป็นคราวเคราะห์ที่ไม่มีผู้ใดรับผิดชอบ กิจกรรมนี้กลายเป็นเรื่องโจษจันเกรียวกราวไปทั่ว ผู้คนจำนวนมากที่เข้าประลองล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้ บ้างโชคดีก็แค่บาดเจ็บ แต่มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไร้เปล่า  เมื่อ หวง เฟยหง ล่วงรู้เรื่องดังกล่าว จึงเข้าประลองเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีให้แก่ชาวจีน และเป็นฝ่ายชนะอย่างง่ายดาย ด้วยกระบวนท่าที่เรียกว่า "ฝ่าเท้าไร้เงา" ซึ่งเป็นไม้ตายประจำตัวที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากสุดของเขา เหตุการณ์ต่อมาคือ เมื่อครั้งที่ท่าเรือฮ่องกงเพิ่งเปิดทำการ หวง เฟยหงในวัย 21 ปี ไม่อาจทนเห็นผู้อ่อนแอโดนนักเลงท้องถิ่นจำนวนมากรุมรังแก จึงยื่นมือเข้าขัดขวาง ด้วยการใช้กระบองไม้ไผ่เป็นอาวุธบุกเดี่ยวเข้าสู้กับฝ่ายตรงข้ามจำนวนหลายสิบคน กลายเป็นศึกตะลุมบอนอันลือลั่น (บริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าว ปัจจุบันคือสวนสาธารณะที่ถนนฮอลลีวูด บนเกาะฮ่องกง)
ผลการต่อสู้ หวง เฟยหง สามารถหลบหนีไปได้ และทำร้ายบรรดานักเลงอันธพาลบาดเจ็บไปหลายคน แต่การปะทะครั้งนั้น ก็ส่งผลให้ หวง เฟยหงไม่อาจพำนักอยู่ในฮ่องกงได้อีกต่อไป และต้องเดินทางกลับไปยังกวางเจา ช่วงชีวิตของหวง เฟยหง ซึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากสุด โดยผ่านการบอกเล่าของภาพยนตร์ต่าง ๆ มากมาย ในยุคปัจจุบัน คือ ช่วงวัยอายุประมาณ 30 ปี หวง เฟยหง กลายเป็นปรมาจารย์กังฟูมีชื่อเสียง พร้อม ๆ กันนั้นเขาก็ได้เปิดร้านขายยาและสถานพยาบาล ชื่อ "เป่าจือหลิน" (โปจี๋หลำ, 寶芝林)
เป่าจือหลินกลายเป็นร้านขายยาที่โด่งดังเป็นตำนานเช่นเดียวกับชื่อเสียงของ หวง เฟยหง (บริเวณที่ตั้งของร้านเป่าจือหลิน สันนิษฐานว่าอยู่ที่ตรอกหยั่นออน ถนนสายที่ 13 เขตกวางเจาตะวันตกในปัจจุบัน) ด้วยเหตุที่ให้การรักษาผู้เจ็บป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับผู้ยากไร้ บ่อยครั้งยังเป็นการเยียวยาพยาบาลโดยไม่คิดเงิน วิชาแพทย์ของหวง เฟยหง ได้รับการยกย่องไม่น้อยหน้าวิชาการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อกระดูก ตำรับยาเฉพาะประจำตระกูล หรือการรักษาโดยวิธีการฝังเข็ม
หวง เฟยหง ผ่านการแต่งงานทั้งหมด 4 ครั้ง มีลูกทั้งหมด 10 คน ภรรยาสามคนแรกล้วนเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย ส่งผลให้เขานึกโทษตนเองว่าเป็นต้นเหตุแห่งเคราะห์ร้ายแก่คนที่ตนรัก และตัดสินใจว่าจะไม่ยอมแต่งงานอีก แต่แล้วในปี ค.ศ. 1903 เขาได้พบกับหญิงสาววัย 16 ปีชื่อ "มอก ไกวหลาน" (ม่อกุ้ยหลาน, 莫桂蘭) และตกหลุมรักซึ่งกันและกัน จนนำไปสู่การแต่งงานในที่สุด

ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก สารานุกรม วิกิพีเดีย
และภาพจากภาพยนตร์ 《黄飞鸿之英雄有梦》

10/20/2557

诸葛亮 จูเก๋อเลี่ยง

จูกัดเหลียง (อังกฤษ: Zhuge Liang; จีนตัวย่อ: 诸葛亮; จีนตัวเต็ม: 諸葛亮; พินอิน: Zhūge Liàng)







หรือ ขงเบ้ง (孔明, พินอิน: Kǒngmíng) เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก นอกจากนี้ยังมีฉายาอื่นเช่น มังกรหลับ (臥龍先生) หรือ (伏龍) เป็นนักการเมืองสมัยปลายราชวงศ์ฮั่นของจีน หรือในสมัยหลังราชวงศ์ฮั่นหากกล่าวอ้างอิงตามประวัติศาสตร์

จูกัดเหลียงดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านการยุทธนาการของพระเจ้าเล่าปี่ในตำแหน่งสมุหนายกและผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งจ๊กก๊ก รวมทั้งมีความสามารถในด้านการเมือง การทูต นักปราชญ์ วิศวกรและได้ชื่อว่าเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นที่สำคัญ โดยคิดค้นหมั่นโถว หน้าไม้กล โคมลอยและระบบชลประทาน

ศิลปินมักวาดภาพให้จูกัดเหลียงสวมชุดยาวแบบนักปราชญ์ สวมหมวก และถือพัดขนนกกระเรียน (บ้างก็ว่า ขนนก ขนห่าน) อยู่ในมือเสมอ
ขงเบ้ง มีชื่อจริงว่าจูกัดเหลียง เป็นบุตรชายคนที่ 2 ของจูกัดฟ่ง ขุนนางตงฉินของพระเจ้าเหี้ยนเต้ จูกัดเหลียงมีพี่ชายและน้องชายอย่างละคนคือ จูกัดกิ๋นพี่ชาย เป็นที่ปรึกษาของง่อก๊กและน้องชายจูกัดจิ้น จูกัดเหลียงมีอุปนิสัยและความคิดที่ฉลาดปราดเปรื่อง รอบรู้สรรพวิชาอย่างแตกฉานทั้งวิทยาศาสตร์ โหราศาสตร์ การเมืองการปกครอง การทูต คุณธรรม ใจคอเยือกเย็นมีเมตตา ชอบอวดอ้างและลองดีกับผู้ที่มีนิสัยกล่าวโอ้อวดตนเอง อุดมด้วยวาทะศิลป์ ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบกับชาวบ้านที่เชิงเขาโงลังกั๋ง โดยช่วยเหลือชาวบ้านในการทำนาต่าง ๆ จนเป็นที่นับถือของชาวบ้าน

จูกัดเหลียงมักจะเสวนากับผู้รู้เสมอ ๆ โดยเพื่อนร่วมวงเสวนากับเขานั้นได้แก่ ชีซี หรือ ตันฮก (ชื่อตันฮกใช้ในการหลบหนี) สื่อกวงเหวียน (โจ๊ะก๋งหงวน) เมิ่งกงเวย (เบงคงอุย) และซุยโจวผิง ซุยเป๋ง และจูกัดเหลียงมักจะยกตัวเองเทียบกับขวันต๋งและงักเย สองยอดนักปราชญ์ยุคชุนชิวและราชวงศ์ฉิน ซึ่งเพื่อน ๆ มักแปลกใจที่จูกัดเหลียงกล้ายกตนเช่นนั้น มีแต่ชีซีและซุยเป๋งเท่านั้นที่เชื่อว่าไม่ได้เป็นการยกตนเกินเลยไปเลย ยิ่งไปกว่านั้นยอดปราชญ์แห่งสามก๊กอย่างอาจารย์สุมาเต๊กโช ยังยกย่องว่าไม่เพียงแค่เปรียบได้กับGuan Zhongขวันต๋งและYue Yiงักเยเท่านั้น ยังเปรียบได้กับเจียงไท่กง คนตกปลาอายุร่วม 80 ผู้หนุนราชวงศ์จิวและเตียงเหลียงผู้หนุนราชวงศ์ฮั่นอีกด้วย ทำให้รู้ว่านอกจากจูกัดเหลียงจะเป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่องแล้วยังเป็นผู้มีความจงรักภักดีเป็นอย่างมาก

จูกัดเหลียงมาเป็นที่ปรึกษาให้แก่เล่าปี่จากการได้รับคำแนะนำจากชีซี และคำกล่าวยกย่องจูกัดเหลียงและบังทองจากสุมาเต๊กโช ซึ่งถ้าเล่าปี่ได้บุคลหนึ่งในสองนี้เป็นที่ปรึกษา จะสามารถทำการใหญ่กอบกู้แผ่นดินได้สำเร็จ โดยเล่าปี่ต้องดั้งด้นเดินทางท่ามกลางอากาศหนาวเย็น และเข้าคำนับผิดคนที่มีท่าที่และการเจรจาที่ฉลาดเฉลียวมาตลอดเส้นทางด้วยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นจูกัดเหลียง เล่าปี่มาหาจูกัดเหลียงด้วยใจศรัทธาถึงกระท่อมไม้ไผ่ที่เขาโงลังกั๋ง ถึง 3 ครั้ง 3 คราก็ไม่พบตัวจูกัดเหลียงแม้แต่ครั้งเดียว

จูกัดเหลียงเป็นผู้ชอบลองนิสัยของบุคคล ยิ่งเห็นเล่าปี่ศรัทธาในตนยิ่งนักจึงแกล้งลองใจเล่าปี่ด้วยการหลบออกจากบ้าน และแกล้งให้เด็กรับใช้แจ้งแก่เล่าปี่ว่าตนไม่อยู่บ้าน และครั้งสุดท้ายบอกว่าตนนอนหลับ เล่าปี่ก็ไม่ละความพยายามในความอุตสาหะที่จะเชิญตัวจูกัดเหลียงไปอยู่ด้วย เมื่อจูกัดเหลียงนอนหลับจึงมายืนสงบที่ปลายเท้าด้วยกิริยาสำรวมรอคอยจนกระทั่งจูกัดเหลียงตื่น และได้สนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน เล่าปี่เอ่ยปากเชิญจูกัดเหลียงไปอยู่ด้วยกันเพื่อกิจการบ้านเมือง จูกัดเหลียงเห็นความมานะพยายามของเล่าปี่รวมทั้งอุปนิสัยใจคอและการเป็นคนอาภัพวาสนา จึงยอมไปอยู่ด้วย ซึ่งขณะนั้นจูกัดเหลียงมีอายุได้เพียง 26 ปีเท่านั้น

เมื่อจูกัดเหลียงไปอยู่ด้วยกับเล่าปี่ ซึ่งได้รับการเอาใจใส่ดูแลและให้การเคารพนับถือเช่นอาจารย์ ทำให้จูกัดเหลียงมิได้เป็นที่ยอมรับของบรรดานายทหารจ๊กก๊ก รวมทั้งกวนอูและเตียวหุยด้วย แต่เมื่อจูกัดเหลียงได้แสดงฝีมือให้ปรากฏด้วยการใช้ไฟทำลายทัพของแฮหัวตุ้น แม่ทัพเอกของโจโฉที่เนินพกบ๋องแล้ว และโจหยิน จูกัดเหลียงก็กลายเป็นที่นับถือและเลื่องลือถึงความสามารถอันปราดเปรื่อง
ข้อมูล: วิกิพีเดีย
ภาพ:  baidu.tupian.com

建议 โพสต์แนะนำ

专业英语-汉语 5 ภาษาอังกฤษ-จีนแบบมืออาชีพ 5 [ศัพท์จิตวิทยา 5]

专业英语5 ภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพ 5 encode: 编码 เข้ารหัส, เปลี่ยนเป็นรหัส memory: 记忆 หน่วยความจำ, ความทรงจำ, ความหลัง photon: 光子,见光度(等千通过一平方厘米大的瞳...