中国四大美人
西施、王昭君、貂蝉和杨贵妃,
สาวงามทั้งสี่แห่งประเทศจีน (四美)
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน นอกจากจะมีวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่มากมายแล้ว ยังมีสตรีที่มีชื่อเสียงโดดเด่นอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวงามที่ใครๆ ก็ต้องมองด้วยความชื่นชมและหลงใหล จนมีคำเปรียบเปรยที่กล่าวไว้ว่า “มัจฉาจมวารี, ปักษีตกนภา, จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง” เป็นคำเปรียบเปรยสำหรับสาวงามทั้งสี่ ซึ่งเป็นที่กล่าวขานในประวัติศาสตร์จีน ได้แก่
ไซซี (西施 Xīshī ซีซือ) มัจฉาจมวารี
ไซซีคือหญิงชาวเวียดนามในปลายสมัยชุนชิว วันหนึ่งขณะที่ไซซีกำลังซักผ้าอยู่ข้างลำธารที่ใสสะอาด ปลาต่างๆ ในน้ำได้ยลความงามของนาง จนตกตะลึง กระทั่งลืมโบกครีบทำให้จมลงสู่ก้นลำธาร
ทำให้ไซซีได้ฉายาว่า “มัจฉาจมวารี” นั่นอง
หวังเจาจวิน ปักษีตกนภา 王昭君 (Wángzhāojūn)
หวังเจาจวินแห่งราชวงศ์ฮั่น เป็นสตรีที่มีพรสวรรค์และมีใบหน้างดงาม ฮ่องเต้ฮั่นหยวนตี้ต้องการเป็นทองแผ่นเดียวกับชาวซงหนู (มองโกล) จึงส่งตัวหวังเจาจวินไปแต่งงานกับหันเสียตันอวี๋ ลูกชายคนโตของชาวซงหนู ระหว่างการเดินทางนั้น หวังเจาจวินเหม่อมองนกที่บินอยู่บนท้องฟ้าแล้วเกิดคิดถึงบ้าน นางจึงบรรเลงพิณจีน เมื่อฝูงนกได้เห็นความงามของนาง ก็ทำให้ลืมกระพือปีกและตกลงสู่พื้นดิน ผู้คนจึงพากันกล่าวขานว่า หวังเจาจวินมีความงามจนทำให้ “ปักษีตกนภา”
เตียวเสี้ยน จันทร์หลบโฉมสุดา貂蝉 (Diāochán เตียวฉาน)
เตียวเสี้ยนเป็นที่รู้จักจากเรื่อง สามก๊ก นางไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม เสียงร้องและลีลาการร่ายรำก็เป็นที่น่าหลงใหลเช่นเดียวกัน เล่ากันว่า วันหนึ่งขณะที่นางกำลังนั่งชมจันทร์อยู่ในสวน พลันก็มีกลุ่มเมฆลอยมาบดบังดวงจันทร์ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่กล่าวขานกันว่า พระจันทร์ต้องการแข่งความงามกับเตียวเสี้ยน แต่ก็ต้องแพ้นาง จึงเกิดความละอายหลบเข้าหลังกลุ่มเมฆ ผู้คนจึงพากันให้ฉายา นางว่า
หยางกุ้ยเฟย มวลผกาละอายนาง 杨贵妃 (Yángguìfēi)
หยางกุ้ยเฟยเป็นสาวงามแห่งราชวงศ์ถัง มีอยู่ครั้งหนึ่งนางไปนั่งชมดอกไม้ในสวน เนื่องจากมีเรื่องทุกข์ใจ บังเอิญมือไปกระทบเข้ากับต้นไมยราบทำให้มันหุบกลีบลงทันที หลังจากฮ่องเต้ถังเสวียนจงรู้เรื่องเข้า จึงทรงกล่าวชมว่า หยางกุ้ยเฟยงดงามจนดอกไม้ยังอาย นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ “มวลผกาละอายนาง” แต่ด้วยความที่ฮ่องเต้ถังเสวียนจงมัวแต่หลงงมงายในหญิงงาม จนไม่สนบริหารงานบ้านเมือง บวกกับที่มีขุนนางทุจริต เป็นเหตุให้ราชวงศ์ถังเสื่อมถอย ประเทศชาติอ่อนแอ ท้ายที่สุด หยางกุ้ยเฟยก็ต้องจบชีวิตลงท่ามกลางเหตุการณ์วุ่นวายในครั้งนั้น
西施、王昭君、貂蝉和杨贵妃,
สาวงามทั้งสี่แห่งประเทศจีน (四美)
ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน นอกจากจะมีวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่มากมายแล้ว ยังมีสตรีที่มีชื่อเสียงโดดเด่นอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวงามที่ใครๆ ก็ต้องมองด้วยความชื่นชมและหลงใหล จนมีคำเปรียบเปรยที่กล่าวไว้ว่า “มัจฉาจมวารี, ปักษีตกนภา, จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง” เป็นคำเปรียบเปรยสำหรับสาวงามทั้งสี่ ซึ่งเป็นที่กล่าวขานในประวัติศาสตร์จีน ได้แก่
ไซซี (西施) หวังเจาจวิน (王昭君) เตียวเสี้ยน (貂蝉) และ หยางกุ้ยเฟย (杨贵妃)
ไซซี (西施 Xīshī ซีซือ) มัจฉาจมวารี
ไซซีคือหญิงชาวเวียดนามในปลายสมัยชุนชิว วันหนึ่งขณะที่ไซซีกำลังซักผ้าอยู่ข้างลำธารที่ใสสะอาด ปลาต่างๆ ในน้ำได้ยลความงามของนาง จนตกตะลึง กระทั่งลืมโบกครีบทำให้จมลงสู่ก้นลำธาร
ทำให้ไซซีได้ฉายาว่า “มัจฉาจมวารี” นั่นอง
หวังเจาจวิน ปักษีตกนภา 王昭君 (Wángzhāojūn)
หวังเจาจวินแห่งราชวงศ์ฮั่น เป็นสตรีที่มีพรสวรรค์และมีใบหน้างดงาม ฮ่องเต้ฮั่นหยวนตี้ต้องการเป็นทองแผ่นเดียวกับชาวซงหนู (มองโกล) จึงส่งตัวหวังเจาจวินไปแต่งงานกับหันเสียตันอวี๋ ลูกชายคนโตของชาวซงหนู ระหว่างการเดินทางนั้น หวังเจาจวินเหม่อมองนกที่บินอยู่บนท้องฟ้าแล้วเกิดคิดถึงบ้าน นางจึงบรรเลงพิณจีน เมื่อฝูงนกได้เห็นความงามของนาง ก็ทำให้ลืมกระพือปีกและตกลงสู่พื้นดิน ผู้คนจึงพากันกล่าวขานว่า หวังเจาจวินมีความงามจนทำให้ “ปักษีตกนภา”
เตียวเสี้ยน จันทร์หลบโฉมสุดา貂蝉 (Diāochán เตียวฉาน)
เตียวเสี้ยนเป็นที่รู้จักจากเรื่อง สามก๊ก นางไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม เสียงร้องและลีลาการร่ายรำก็เป็นที่น่าหลงใหลเช่นเดียวกัน เล่ากันว่า วันหนึ่งขณะที่นางกำลังนั่งชมจันทร์อยู่ในสวน พลันก็มีกลุ่มเมฆลอยมาบดบังดวงจันทร์ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่กล่าวขานกันว่า พระจันทร์ต้องการแข่งความงามกับเตียวเสี้ยน แต่ก็ต้องแพ้นาง จึงเกิดความละอายหลบเข้าหลังกลุ่มเมฆ ผู้คนจึงพากันให้ฉายา นางว่า
“จันทร์หลบโฉมสุดา”
หยางกุ้ยเฟย มวลผกาละอายนาง 杨贵妃 (Yángguìfēi)
หยางกุ้ยเฟยเป็นสาวงามแห่งราชวงศ์ถัง มีอยู่ครั้งหนึ่งนางไปนั่งชมดอกไม้ในสวน เนื่องจากมีเรื่องทุกข์ใจ บังเอิญมือไปกระทบเข้ากับต้นไมยราบทำให้มันหุบกลีบลงทันที หลังจากฮ่องเต้ถังเสวียนจงรู้เรื่องเข้า จึงทรงกล่าวชมว่า หยางกุ้ยเฟยงดงามจนดอกไม้ยังอาย นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ “มวลผกาละอายนาง” แต่ด้วยความที่ฮ่องเต้ถังเสวียนจงมัวแต่หลงงมงายในหญิงงาม จนไม่สนบริหารงานบ้านเมือง บวกกับที่มีขุนนางทุจริต เป็นเหตุให้ราชวงศ์ถังเสื่อมถอย ประเทศชาติอ่อนแอ ท้ายที่สุด หยางกุ้ยเฟยก็ต้องจบชีวิตลงท่ามกลางเหตุการณ์วุ่นวายในครั้งนั้น
Credit photos from www.baidu.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น