7/09/2556

ศิลปะการป้องกันตัวของจีน


ต้นกำเนิดศิลปะป้องกันตัวของจีน สามารถสืบหาได้ว่า เริ่มมีในช่วงสมัยสังคมดั้งเดิม ขณะที่มนุษย์ใช้เครื่องมือต่างๆ อย่างกระบี่กระบองเพื่อต่อสู้กับสัตว์ และค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์การปะทะโจมตีป้องกันตัวเรื่อยมา ผู้คนจึงนำเอาท่าทางอย่างการเตะ ต้อย หมัด มวย มาเรียบเรียงลำดับเป็นชุดกระบวนท่าต่างๆ ขึ้นมาเพื่อใช้ฝึกซ้อม ภายหลังจึงเกิดชุดกระบวนท่าที่แตกต่างกันออกมานับไม่ถ้วน



กังฟู (功夫)กายและใจรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
กังฟูเรียกได้ว่าเป็นศิลปะการต่อสู้จีนอย่างหนึ่ง สามารถแบ่งออกเป็นหลายพรรคและหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น หมัดใต้เท้าเหนือ กระบองใต้หอกเหนือ และยังมีวิทยายุทธเส้าหลิน อู่ตังเหมิน กระบี่ไท้เก๊ก มวยหย่งชุน เป็นต้น


จีนได้ปรากฏผู้ฝึกวิชาศิลปะป้องกันตัวที่โด่งดังขึ้นมากมาย อาทิเช่น ผู้รักชาติในช่วงปลายสมัยราชวงศชิง นามว่า ฮั่วหยวนเจี๋ย (霍元甲) หรือจะเป็น จากซานฟง (张山丰) เจ้าสำนักบู๊ตึ๊ง และบรู๊ซลี (李小龙- หลีเสี่ยวหลง) ดาราจอเงินยักษ์ใหญ่ผู้คิดค้นชุดกระบวนท่าเจี๋ยเฉวียนเต้า
จุดเด่นของศิลปะการต่อสู้แบบจีนอยู่ที่การฝึกฝน ไม่เพียงเพื่อเอาชนะในการประลองเท่านั้น แต่เพื่อให้กายใจรวมเป็นหนึ่งเดียว การฝึกซ้อมแต่ละชุดมีความแตกต่างกัน โดยรวมแล้วประกอบไปด้วย ท่าพื้นฐาน ชุดกระบวนท่า กำลังภายใน กำลังภายนอก ซึ่งใช้การฝึกมือไม้ สายตา ร่างกาย ก้าวย่าง จิตใจ และพละกำลัง เหล่านี้เป็นหลักสำคัญ

ในปัจจุบันสมาคมศิลปะการต่อสู้นานาชาติต้องการส่งเสริมศิลปะการต่อสู้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงแบ่งการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เป็นสามประเภทใหญ่ๆ ด้วยกันคือ หมัดยาว หมัดใต้ และมวยไท้เก๊ก ในอนาคตศิลปะการต่อสู้แบบจีนนี้อาจเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในโอลิมปิกก็ได้
ศิลปะการต่อสู้เส้าหลิน (少林功夫)


มวยไท้เก๊ก (太极拳Tàijīquán ไท่จี๋เฉวียน)ไท้เก๊กเป็นศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่งของจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากมวยไท้เก๊กเน้นการฝึกเพื่อบำบัดโรคและรักษาสุขภาพ ทั้งยังช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน จนทำให้เป็นที่ชื่นชอบและแพร่หลายกันในหมู่คนต่างชาติรวมถึงคนไทย มวยไท้เก๊กนั้นมีทั้งหมด 108 กระบวนท่า เป็นท่ารำที่อ่อนช้อยและวิธีการหายใจ ซึ่งเป็นผลดีต่อระบบการทำงานของปอดและหัวใจ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
มวยไท้เก๊ก ศิลปะป้องกันตัวถูกบรรจุเข้าในการแข่งขันเอเชียนเกมส์เมื่อปี คศ. 1990 ไม่จำกัดสัญชาติของผู้เข้าแข่งขัน และไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องแต่งกายจีน

ศิลปะการต่อสู้เส้าหลิน
ตั้งชื่อตามชื่อวัดเส้าหลิน (少林)และวัดแห่งนี้เองก็มีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เล่ากันว่าปรมาจารย์ตั๊กม๊อ (达摩祖师) เป็นผู้คิดค้นศิลปะการต่อสู้เส้าหลินขึ้น เพื่อใช้ในการฝึกฝนจิตใจและร่างกาย ในขณะฝึกฝนนอกจากจะฝึกมือเปล่าแล้ว ยังมีการใช้อาวุธต่างๆ เช่น กระบองหรือกระบี่ เป็นต้น จากนั้นได้แตกแขนงออกเป็นศิลปะการต่อสู้อีกกว่า 100 ชนิด สำหรับพระที่วัดเส้าหลินแล้ว การฝึกฝนไม่ใช่เพียงเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแกร่งเท่านั้น ยังสามารถพัฒนาตนเองและคุณธรรม รวมไปถึงการปกป้องวัดและช่วยเหลือผู้คนอีกด้วย




เครดิต หนังสือการ์ตูน
อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ฉลาดรู้ทุกเรื่องของเมืองจีน
สำนักพิมพ์ THONGKASEM
 

7/07/2556

การใช้ 几 และ 多少


“几” (jĭ จี่ = กี่) และ “多少” duō shăo (ตัวเส่า = เท่าไหร่)

“几” และ “多少” เป็นคำที่ใช้ในการถามจำนวน “几” ใช้สำหรับถามจำนวนที่ผู้ถามคาดว่าน่าจะมีจำนวนไม่มากนัก โดยทั่วไปจะใช้ถามจำนวนที่น้อยกว่า 10

ส่วน “多少” ใช้สำหรับถามจำนวนที่มากกว่า 10

 


 

你家有几口人?หนี่เจียโหย่วจี๋โข่วเหริน?
ครอบครัวคุณมีสมาชิกกี่คน

你住几号楼? หนี่จู้จี่ฮ่าวโหลว?
คุณอาศัยอยู่ชั้นไหน (ชั้นบนอาคาร)

你的房间号是多少?หนี่เตอฝังเจียนฮ่าวซื่อตัวเส่า?
บ้าน(ห้อง)ของคุณเลขที่เท่าไร

你的手机号是多少? หนี่เตอโส่วจีฮ่าวซื่อตัวเส่า?
โทรศัพท์มือถือของคุณหมายเลขอะไร
 

เครดิต:
สถาบันขงจื้อ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

7/05/2556

紫禁城 (Zǐjìnchéng จื่อจิ้นเฉิง)

紫禁城 (Zǐjìnchéng จื่อจิ้นเฉิง)
 เมืองต้องห้าม (สีม่วง?)



เมืองต้องห้าม หรือ พระราชวังต้องห้าม เป็นชื่อเดิมของ พระราชวังโบราณ (故宫 Gù gōng กู้กง)
ซึ่งเป็นพระราชวังที่ประทับและว่าราชการของจักรพรรดิจีนสมัยราชวงศ์หมิงและชิง คำว่าพระราชวัง
ต้องห้ามใช้อักษรจีน ๓ ตัวคือ紫 (zǐ จื่อ) แปลว่า “สีม่วง” 禁 (jìn จิ้น) แปลว่า “ห้าม” และ
(chéng เฉิง) แปลว่า “เมือง” หลายท่านคงสงสัยว่าแล้วสีม่วงมาเกี่ยวอะไรด้วย บางคนเข้าใจ
เพี้ยนไปว่าสถานที่แห่งนี้เรียกว่า “พระราชวังต้องห้ามสีม่วง” แถมยังอธิบายว่าที่เรียกเช่นนี้เพราะสี
ของกำแพงและหลังคาเป็นสีม่วง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผิด เพราะที่จริงแล้วกำแพงเป็นสีแดง และ
หลังคาเป็นสีเหลือง แล้วสีม่วงในที่นี้คืออะไร

ที่จริงแล้วคำว่า 紫 (zǐ จื่อ) ในที่นี้มาจากคำว่า 紫微星 (Zǐwēixīng จื่อเวย์ซิง) ซึ่งเป็นดวงดาว
แห่งจักรพรรดิ “ดาวจื่อเวย์” นี้เป็นชื่ออีกเรียกอย่างของดาวเหนือ (北极星 běijíxīng เป่ย์จี๋ซิง)
ความเชื่อจีนโบราณเชื่อว่าดาวเหนือ หรือวังดาวเหนือเป็นศูนย์กลางของวังสวรรค์
ดังนั้นคำว่า紫 (zǐ จื่อ) ในที่นี้ จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับสีม่วงแต่อย่างใดนะครับ



ขอบพระคุณข้อมูลจาก facebook แฟนเพจ เรื่องจีนๆ  ค่ะ

7/04/2556

我请客 ฉันเลี้ยงเอง

สำนวนจีน 我请客
我请客 ! Wŏ qǐng kè [หวอฉิ่งเค่อ = ฉันเลี้ยงเอง]
 


 

ตัวอย่างประโยค

对话一 บทสนทนา 1


A: 咱们去外面吃饭吧!
    Zán men qù wài miàn chī fàn ba!
    จั๋นเมินชวี่ไว่เมี่ยนชือฟ่านปะ
   = พวกเราไปทานข้าวข้างนอกกันเถอะ

B: 我请客
    Wŏ qǐng kè
    หวอฉิ่งเค่อ = ฉันเลี้ยงเอง

对话二 บทสนทนา 2

A: 我请客 Wŏ qǐng kè
    หวอฉิ่งเค่อ = ผมเลี้ยงเอง

B: 上次你刚请过 今天我请吧!
    Shàng cì nǐ gāng qǐng guò, Jīn tiān wŏ qǐng ba!
    ซั่งชึหนี่กังฉิ่งกั้วว จินเทียนหวอฉิ่งปา
    = ครั้งที่แล้วคุณเพิ่งจะเลี้ยงไป วันนี้ผมเลี้ยงเองนะ
 






ติดตามสำนวนอื่นๆ เพิ่มเติมได้จาก
ดีวีดีเพื่อสื่อการเรียนการสอนภาษาจีน
ชุด "50 สำนวนจีนฮิตติดปาก"


7/02/2556

ข้อสอบ HSK [แบบเก่า] ชุดที่ 3

ตัวอย่างชุดที่ 3

第一部分  (ส่วนที่ 1)
ตัวอักษรที่ให้มาต่อไปนี้ควรวางอยู่ในตำแหน่งใดของประโยค
เลือกคำตอบโดยกาวงกลมตำแหน่ง  A  B   C หรือ D


1. 他辞别     A    父母,背    B  起枪, 骑    C   上马, 向着远方走    D   去。
    ตัวอักษรที่ให้มาคือคำว่า 了 (lē) เลอ แปลว่า แล้ว
    ตำแหน่งที่ควรวาง 了คือตำแหน่ง A
    รูปประโยคที่สมบูรณ์คือ
   他辞别了父母,背着起枪,骑上马,向着远方走去。
    เขาอำลาพ่อแม่แล้ว จึงสะพายปืนไว้ด้านหลัง ขึ้นขี่ม้า มุ่งไปทางไกล


2. 昨天   A   从图书馆借   B   来   C   的   D   新书你给我放哪儿了?
    ตัวอักษรที่ให้มาคือคำว่า 几本 (jĭ-bĕn) จี๋-เปิ่น แปลว่า กี่เล่ม    (几จี่เป็นคำศัพท์ที่ใช้ถามจำนวน, 本 เป็นลักษณะนามแปลว่าเล่ม)
   ตำแหน่งที่ควรวาง 几本 คือตำแหน่ง
D    รูปประโยคที่สมบูรณ์คือ
   昨天从图书馆借来的几本新书你给我放哪儿了?
   หนังสือใหม่หลายเล่มที่เธอยืมมาให้ฉันจากห้องสมุดเมื่อวานนี้ วางอยู่ไหนแล้ว


3. 她的   A   美丽   B   吸引注了   C   我   D。
   ตัวอักษรที่ให้มาคือคำว่า 一下子 (yī-xià-zĭ) อิ-เซี้ย-จื่อ แปลว่า ชั่วขณะ, ชั่วประเดี๋ยว
   ตำแหน่งที่ควรวาง 一下子 คือ
B   รูปประโยคที่สมบูรณ์คือ
   她的美丽一下子吸引注了我。
   ความงามของเธอดึงดูดฉันไว้ชั่วขณะ


4. 现在我只   A   想好好研究, B   将来做什么,  C   我不  D 清楚。
   ตัวอักษรที่ให้มาคือคำว่า 至于 (zhì-yū) จื้อ-อวี แปลว่า สำหรับ, ถึงกับ
   ตำแหน่งที่ควรวาง 至于 คือ
B   รูปประโยคที่สมบูรณ์คือ
   现在我只想好好研究,至于将来做什么我不清楚.
   ตอนนี้ฉันคิดแต่ว่าจะต้องศึกษาไว้ให้ดีดี เผื่อวันหน้าอาจจะต้องทำอะไรที่ไม่เข้าใจ



5. 现在   A   请你  B   介绍   C    一下展览情况   D    吧。
   ตัวอักษรที่ให้มาคือคำว่า 给大家 (gĕi-dà-jiā) เก่อย-ต้า-เจีย แปลว่า ให้ทุกคน, ให้กับทุกคน
   ตำแหน่งที่ควรวาง 给大家 คือตำแหน่ง
B   รูปประโยคที่สมบูรณ์คือ
   现在请你给大家介绍一下展览情况吧。
   ตอนนี้เชิญคุณแนะนำลักษณะของนิทรรศการให้ทุกคนทราบหน่อยนะ





 第二部分 ส่วนที่ 2
เลือกคำตอบที่ถูกต้องเติมลงในช่องว่าง



6. 在如何鉴赏中国绘画这一点上,我们的看法全部_______。
   ในแง่ที่จะมองว่าคุณค่าทางศิลปะของจีนเป็นอย่างไรนั้น
    ทัศนคติของพวกเราทั้งหมดล้วน........
   

    A. 一律       B. 一起       C. 一致        D. 一色
  

   มาดูคำตอบกันทีละข้อค่ะ
   ข้อ A 一律 (yī-lǜ)  อิ-ลวี่ แปลว่า เหมือนกันไปหมด
   ข้อ B 一起 (yī-qĭ)  อิ-ฉี่ แปลว่า รวมกัน, ด้วยกัน, พร้อมกัน
   ข้อ C 一致 (yī-zhì) อิ-จวื้อ แปลว่า เป็นหนึ่งเดียวกัน, เป็นเอกฉันท์
   ข้อ D 一色 (yī-sè) อิ-เซ่อ แปลว่า สีเดียว, แนวเดียวกัน, แบบเดียวกันหมด
  

   คำตอบที่ถูกต้องคือข้อ C
   รูปประโยคที่สมบูรณ์คือ
   在如何鉴赏中国绘画这一点上,我们的看法全部一致
   ในแง่ที่จะมองว่าคุณค่าทางศิลปะของจีนเป็นอย่างไรนั้น ทัศนคติของพวกเราทั้งหมดล้วน

   เหมือนกันเป็นเอกฉันท์


7. 他昨天______逛商店去了,却说自己去上课了。
   เมื่อวานเขา..........ไปเดินห้างสรรพสินค้า แต่กลับบอกว่าตัวเองไปเรียน
  

   A. 明显        B. 毕竟        C. 明明          D. 明白  
   มาดูคำตอบกันทีละข้อค่ะ
   ข้อ A 明显 (míng-xiăn) หมิง-เสี่ยน แปลว่า เห็นชัด, ปรากฏ
   ข้อ B 毕竟 (bì-jìng) ปี้-จิ้ง แปลว่า ที่จริงแล้ว
   ข้อ C 明明 (míng-míng) หมิง-หมิง แปลว่า เห็นๆ อยู่
   ข้อ D 明白 (míng-bái) หมิง-ไป๋ แปลว่า เข้าใจ
   คำตอบที่ถูกต้องคือข้อ C
  

   รูปประโยคที่สมบูรณ์คือ
   他昨天明明逛商店去了,却说自己去上课了。
   เมื่อวานเห็นๆ อยู่ว่าเขาไปเดินห้างสรรพสินค้า แต่กลับบอกว่าตัวเองไปเรียน



8. 这件衣服看______不错,穿上试试吧。
   เสื้อผ้าชุดนี้ดู.........ไม่เลว  ลองสวมใส่ดูสิ

   A. 上来        B. 上去        C. 下来       D. 下去
   มาดูคำตอบกันค่ะ
   ข้อ A 上来 (shàng-lái) ซั่ง-ไหล แปลว่า ขึ้นมา
   ข้อ B 上去 (shàng-qù) ซั่ง-ชวี่ แปลว่า ขึ้นไป
   ข้อ C 下来 (xià-lá) เสี้ย-ไหล แปลว่า ลงไป
   ข้อ D 下去 (xià-qù) เสี้ย-ชวี่ แปลว่า ต่อไป
   ในที่นี้คำตอบที่ถูกต้องคือข้อ B เพราะ 看上去 แปลว่า ดูไปแล้ว

   รูปประโยคที่สมบูรณ์คือ
   这件衣服看上去不错,穿上试试吧。
   เสื้อผ้าชุดนี้ดูไปแล้วไม่เลว ลองสวมใส่ดูสิ



9. 别的东西涨价我不怕,因为我可以不买,我最怕的是_____用品涨价。
   ของอื่นขึ้นราคาฉันไม่กลัว เพราะฉันไม่ซื้อก็ได้ ฉันกลัวที่สุดก็คือ......ของใช้ขึ้นราคา


   A. 日常        B. 常常       C. 平时       D. 平常
   มาดูคำตอบกันค่ะ
   ข้อ A 日常(rì-cháng) ยรื่อ-ฉัง แปลว่า ประจำวัน
   ข้อ B 常常 (cháng-cháng) ฉัง-ฉัง แปลว่า บ่อยๆ
   ข้อ C 平时 (píng-shí) ผิง-สือ แปลว่า ปกติ
   ข้อ D 平常 (píng-cháng) ผิง-ฉัง แปลว่า ปกติ

   คำตอบที่ถูกต้องคือข้อ A
  

   รูปประโยคที่สมบูรณ์คือ
   别的东西涨价我不怕,因为我可以不买,我最怕的是日常用品涨价。
   ของอื่นขึ้นราคาฉันไม่กลัว เพราะฉันไม่ซื้อก็ได้ ฉันกลัวที่สุดก็คือของใช้ประจำวันขึ้นราคา



10. 对你们的看法我没________可说的。
     ตามความคิดเห็นของพวกคุณฉันไม่........สามารถจะพูดได้
    

     A. 怎么        B. 那么       C. 多么       D. 什么
     มาดูคำตอบกันค่ะ
     ข้อ A 怎么 (zĕn-mē) เจิ่น-เมอ แปลว่า ยังไร, อย่างไร
     ข้อ B 那么 (nà-mē) น่า-เมอ แปลว่า อย่างนั้น
     ข้อ C 多么 (duō-mē) ตัว-เมอ แปลว่า มากอย่างนั้น
     ข้อ D 什么 (shén-mē) เสิน-เมอ แปลว่า อะไร

    
     คำตอบที่ถูกต้องคือข้อ D     รูปประโยคที่สมบูรณ์คือ

     对你们的看法我没什么可说的。
     ตามความคิดเห็นของพวกคุณฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
 


 

建议 โพสต์แนะนำ

สำนวนจีน VS สำนวนไทย Part 5 [W]

สำนวนจีนที่ขึ้นต้นด้วยพินอิน w  挖墙脚  [wāqiángjiǎo]  โค่นล้ม (比喻拆台) 外强中干  [wàiqiángzhōnggān]  แข็งนอกอ่อนใน/ภายนอกดูแข็งแรงแท้จริงแล้วอ่อนแอ ...