7/01/2556

กฎการเขียนสัทอักษรภาษาจีน 拼写规则

กฎการเขียนสัทอักษรภาษาจีน 拼写规则


1. i, u,และ ü 自成音节i,
    u,และ ü สามารถประกอบขึ้นเป็นพยางค์ได้ด้วยตัวเอง
    
i, u,และ ü เป็นสระที่ประกอบขึ้นเป็นพยางค์ได้โดยไม่ต้องมีเสียงพยัญชนะต้น
    เมื่อ i, u,และ ü ประกอบขึ้นเป็นพยางค์ด้วยตัวเอง จะเขียนเป็น yi, wu, และ yu




2. 以 “i” 开头的韵母 เสียงสระประสมที่ขึ้นต้นด้วย  “ i ” 
   หากด้านหน้าเสียงสระประสมที่ขึ้นต้นด้วย “ i ” ไม่มีเสียงพยัญชนะต้น

  ให้เปลี่ยน “ i ” เป็น “y”  หรือเติม “y” ไว้ข้างหน้าดังตัวอย่างด้านล่าง

 



 
3.以 “u” 开头的韵母 เสียงสระประสมที่ขึ้นต้นด้วย “u
  หากด้านหน้าเสียงสระประสมที่ขึ้นต้นด้วย “u”  ไม่มีเสียงพยัญชนะต้น ให้เปลี่ยน “u”  เป็น “w”
 
4. 以 “ü” 开头的韵母 เสียงสระประสมที่ขึ้นต้นด้วย “ü
    หากด้านหน้าเสียงสระประสมที่ขึ้นต้นด้วย “ü” ไม่มีเสียงพยัญชนะต้น ให้เติม “y” ข้างหน้า “ü”
    และตัดจุดสองจุดด้านบน “u” ออก
 

5. “ü” 在 j,q, x, y 后面写成 u  เมื่อ ü อยู่หลัง j q x และ yให้เขียนเป็น u
    เมื่อ “j”, “q” “x” และ “y” สะกดร่วมกับ “ü” หรือเสียงสระประสมอื่นที่ขึ้นต้นด้วย “ü”
    ให้ตัดจุดสองจุดข้างบน “u” ออก

 
 
 
6. iou uei uen 的拼写规则 กฎการเขียนสระประสม iou, uei และ uen
    เมื่อ “iou” “uei” และ “uen” สะกดร่วมกับเสียงพยัญชนะต้น ให้เขียนเป็น “iu” “ui” และ “un”
    ดังตัวอย่างด้านล่าง
 
 
 
 
7. 隔音符号 (’ ) เครื่องหมายคั่นเสียง ( ’)
    เมื่อพยางค์ที่ขึ้นต้นด้วย a o และ e อยู่ต้อท้ายพยางค์อื่น และตัวอักษรแสดงเสียงของพยางค์ทั้งสอง
    ที่อยู่ติดกันทำให้เกิดความสับสนในการอ่าน ให้ใช้เครื่องหมายคั่นเสียง (’ ) คั้นระหว่างพยางค์ทั้งสอง
    ดังตัวอย่างด้านล่าง
   
    jī è =  jiè      pí ăp =   piăo       可爱 =  kě ài
 
8. 字母的大写 กฎการเขียนตัวพิมพ์ใหญ่
    โดยทั่วไปการเขียนสัทอักษรภาษาจีนจะเขียนด้วยตัวพิมพ์เล็ก แต่หากเป็นตัวอักษรตัวแรกของ
    ประโยค ตัวอักษรตัวแรกของชื่อ นามสกุล และชื่อเฉพาะต่างๆ จะต้องเขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่
    เช่น
    Nín guìxìng?    Zhōngguó     Běiijīng     Qīngmài
 


 
 
ขอขอบพระคุณ
แบบเรียนภาษาจีนพื้นฐานชุดสัมผัสภาษาจีน
体验汉语基础教程1 [泰语版]
 


การกลายเสียงวรรณยุกต์ 变调

การกลายเสียงวรรณยุกต์ 变调



การกลายเสียงวรรณยุกต์เสียงสาม
1. เมื่อพยางค์เสียงสามอยู่ติดกันสองพยางค์ จะต้องเปลี่ยนการออกเสียงวรรณยุกต์ของพยางค์หน้า
    เป็นเสียงสอง เช่น

   你好 (Nĭ hăo หนี่ห่าว) ต้องเปลี่ยนการออกเสียงเป็น Ní hăo หนีห่าว
   很好 (Hěn hăo เหิ่นห่าว) ต้องเปลี่ยนการออกเสียงเป็น Hén hăo เหินห่าว เป็นต้น

2. เมื่อพยางค์เสียงสามอยู่หน้าพยางค์เสียงหนึ่ง เสียงสอง เสียงสี่ และเสียงเบา
   จะต้องออกเสียง  วรรณยุกต์ของพยางค์หน้าเพียงครึ่งหนึ่ง กล่าวคือ จะกดเสียงลงต่ำ
   โดยไม่ยกระดับเสียงขึ้นในช่วงท้ายพยางค์ การออกเสียงลักษณะนี้ เรียกว่า
   “การออกเสียงสามครึ่งเสียง”ตัวอย่างเช่น คำว่า
  老师  lăoshī
  很难 hěn nán
  很大 hěn dà
  我们 wǒmen

3. สำหรับเครื่องหมายกำกับวรรณยุกต์ยังคงรูปวรรณยุกต์เสียงสาม “˅”ตามเดิม




 

การกลายเสียงของคำว่า “一”(yī  อี = หนึ่ง)
  
เดิมที “一”เป็นคำที่มีวรรณยุกต์เสียงหนึ่ง

1. เมื่อต้องการอ่านคำว่า “一”ที่ปรากฏโดยลำพัง หรือนับจำนวน “หนึ่ง” หรืออ่านตัวเลข “หนึ่ง”
    ให้ออกเสียงว่า “ yī (อี)” ตามเดิม

2. หากคำว่า “一”ปรากฏอยู่หน้าพยางค์เสียงสี่ ให้เปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์ของคำนี้เป็นเสียงสอง
    อ่านออกเสียงว่า “ yí (อี๋)”
   เช่น 一定 yī dìng  ให้อ่านออกเสียงเป็น yí dìng (อี๋ติ้ง)

3. หาก “一”ปรากฏอยู่หน้าพยางค์เสียงหนึ่ง เสียงสอง หรือเสียงสาม
   ให้เปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์ของคำนี้เป็นเสียงสี่ อ่านออกเสียงเป็น “ yì (อี้) ”
   ตัวอย่าง
   เมื่ออยู่หน้าพยางค์เสียงหนึ่ง  一天  yī tiān ให้ออกเสียงเป็น yì tiān (อี้เทียน)
   เมื่ออยู่หน้าพยางค์เสียงสอง  一年  yī nián อี้เหนียน ให้ออกเสียงเป็น yì nián (อี้เหนียน)
   เมื่ออยู่หน้าพยางค์เสียงสาม  一起  yī qĭ  ให้ออกเสียงเป็น yì qĭ  (อี้ฉี่)


การกลายเสียงของคำว่า “不”(  ปุ้ = ไม่)

“不” เมื่ออยู่หน้าพยางค์เสียงหนึ่ง เสียงสองและเสียงสาม ให้ออกเสียงคงเดิม เช่น
  不高 bù gāo 
  不忙 bù máng
  不好 bù hăo

  แต่เมื่อคำว่า “不”ปรากฏอยู่หน้าพยางค์เสียงสี่ ให้เปลี่ยนเสียงวรรณยุกต์ของคำนี้เป็นเสียงสอง
  อ่านว่า  “bú เช่น
 
  不客气  bù kè qi  (ปู้เค่อชี่) ให้ออกเสียงเป็น 不bú kè qi (ปู๋เค่อชี่)


การออกเสียงพยางค์ที่ผสานเสียงกับสระ “er” ท้ายพยางค์ 儿化韵
เมื่อปรากฏสระเสียงพิเศษ “er” อยู่ด้านหลังสระอื่น และเกิดการผสานเสียงเข้ากับเสียงพยัญชนะของพยางค์ด้านหน้ากลายเป็นพยางค์เดียวกัน ลักษณะการออกเสียงแบบนี้เรียกว่า “儿化 (èr huà)”
การออกเสียง 二化 จะต้องงอลิ้นขึ้นตรงท้ายพยางค์ ส่วนการเขียนสัทอักษร (เสียงอ่าน) เพื่อแสดงเสียงดังกล่าว จะต้องเพิ่ม “r” ตรงท้ายพยางค์เดิม และหากต้องการเขียนคำที่มีลักษณะการออกเสียงเช่นนี้ด้วยตัวอักษรจีน จะต้องเขียนตัว “儿” เพิ่มไว้ด้านหลัง
เช่น

    nă  + èr = năr    哪  +  儿   = 哪儿
    zhè  + èr = zhèr    这 + 儿 = 这儿

















ขอขอบพระคุณ
แบบเรียนภาษาจีนพื้นฐานชุดสัมผัสภาษาจีน
体验汉语基础教程1 [泰语版]

วรรณยุกต์ 声调

วรรณยุกต์ 声调



1. เสียงวรรณยุกต์ 声调
เสียงวรรณยุกต์ คือการเปลี่ยนแปลงของระดับเสียงสูงต่ำในการออกเสียง
เสียงวรรณยุกต์ในภาษาจีนกลางมีทั้งหมด 4 เสียง ได้แก่

เสียงหนึ่ง “ ”  阴平 คล้ายกับเสียงสามัญในภาษาไทย แต่ออกเสียงสูงกว่าและลากเสียงยาวกว่าเล็กน้อย
เสียงสอง “ ̸ ”  阳平 คล้ายกับเสียงจัตวาในภาษาไทย แต่จะลากเสียงขึ้นสูงกว่าเล็กน้อย
เสียงสาม “ ˅ ” 上声 เป็นเสียงวรรณยุกต์ที่ต้องกดเสียงลงต่ำก่อน แล้วจึงลากเสียงให้สูงขึ้นตอนหลัง ในช่วงที่กดเสียงลงต่ำ จะออกเสียงใกล้เคียงกับ เสียงเอก ในภาษาไทย
เสียงสี่ “ \ ” 去声 คล้ายกับเสียงโทในภาษาไทย แต่จะออกเสียงสั้น และจบเสียงเร็วกว่า


เครื่องหมายกำกับเสียงวรรณยุกต์ทั้งสี่นี้ จะวางไว้บนเสียงสระหลักของพยางค์
พยางค์ที่มีเสียงวรรณยุกต์ต่างกัน จะแสดงถึงความหมายที่ต่างกันไปด้วย เช่น

mā 妈  ออกเสียง “มา”  แปลว่า แม่
má 麻 ออกเสียง “ม๋า” แปลว่า ปอ, ป่าน
mă 马 ออกเสียง “หม่า” แปลว่า ม้า
mà 骂 ออกเสียง “ม่า”  แปลว่า ด่า


2. เสียงเบา 轻声
เสียงเบา หมายถึง เสียงที่เปล่งออกมาต่อจากพยางค์ก่อนหน้านั้นอย่างกระชั้นชิด มีลักษณะการออกเสียงสั้นและเบากว่าเสียงทั่วไป เสียงเบาที่อยู่หลังวรรณยุกต์เสียงหนึ่ง เสียงสอง และเสียงสาม จะออกเสียงต่ำต่อเนื่องจากเสียงวรรณยุกต์ก่อนหน้า  ส่วนเสียงเบาที่อยู่หลังวรรณยุกต์เสียงสาม จะออกเสียงสูงขึ้นจากระดับเสียงของพยางค์หน้าเล็กน้อย เช่น


妈妈 māma มาหม่ะ  แม่
爷爷 yéye   เย๋เย      ปู่
奶奶 năinai ไหน่ไน  ย่า
爸爸 bàba  ป้าปะ     พ่อ






ขอขอบพระคุณ
แบบเรียนภาษาจีนพื้นฐานชุดสัมผัสภาษาจีน
体验汉语基础教程1 [泰语版]

6/30/2556

语音 การออกเสียงภาษาจีน

语音 การออกเสียงภาษาจีน



音节 พยางค์
พยางค์ในภาษาจีนประกอบขึ้นจากส่วนประกอบสามส่วน ได้แก่

เสียงพยัญชนะต้น เสียงสระ และเสียงวรรณยุกต์ เช่น
                  你 Nĭ 
                  N คือเสียงพยัญชนะต้น
                  i คือเสียงสระ และ 
                  ˅ คือเสียง วรรณยุกต์



声母 เสียงพยัญชนะต้น
เสียงพยัญชนะต้นในภาษาจีนมีทั้งหมด 21 เสียง สามารถแบ่งตามตำแหน่งการออกเสียงได้

เป็น 6 กลุ่มดังนี้




韵母 เสียงสระ
เสียงสระในภาษาจีนมีทั้งหมด 38 เสียง แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
สระเสียงเดี่ยว สระประสมสองเสียง  สระประสมสามเสียง  สระเสียงนาสิกและสระเสียงพิเศษ

ทั้งนี้ระบบเสียงภาษาจีนได้รวมเอาเสียงพยัญชนะท้าย (เสียงสะกด) ไว้ในเสียงสระ เช่น
เสียง n ซึ่งสามารถเทียบได้กับเสียง สะกดแม่กน และ ng  เทียบได้กับเสียงสะกดแม่กง ในภาษาไทย

1. สระเสียงเดี่ยว 单韵母 ได้แก่ 
 

2. สระประสมสองเสียง 复韵母  ได้แก่


3. สระประสมสามเสียง 三重韵母 ได้แก่


4. สระเสียงนาสิก 鼻韵母 ได้แก่

5.สระเสียงพิเศษ 特殊韵母    ได้แก่  er  (เออร์)




ขอขอบพระคุณ
แบบเรียนภาษาจีนพื้นฐานชุดสัมผัสภาษาจีน
体验汉语基础教程1 [泰语版]

天知道 ไม่รู้สิ

สำนวนจีน 天知道
天知道 Tiān zhī dao [เทียนจือเตา = ไม่รู้สิ](คงมีแต่ฟ้าเท่านั้นที่จะรู้)




ตัวอย่างประโยค 对话一 บทสนทนา 1

A: 他们俩为什么离婚?
    Tā men liă wèi shén me lí hūn?
    ทาเมินเหลี่ยเว่ยเสิ่นเมอหลีฮุน?
    พวกเขา 2 คนทำไมถึงหย่ากัน


B: 天知道
    Tiān zhī dao
    เทียนจือเตา = ไม่รู้สิ

对话二 บทสนทนา 2


A: 你知道为什么她生气了?
     Nǐ zhī dào wèi shén me tā shēng qì le? 

     หนี่จือเต้าเว่ยเสิ่นเมอทาเซิงชี่เลอ
     = คุณรู้ไหมทำไมเธอถึงได้โกรธ

B:天知道,可能她吃醋了
     Tiān zhī dao, kĕ néng tā chī cù le
     เทียนจือเตา เข่อเหนิงทาชือชู่เลอ

     = ไม่รู้สิ เป็นไปได้ว่าเธอคงหึง
 



ติดตามสำนวนอื่นๆ เพิ่มเติมได้จาก
ดีวีดีเพื่อสื่อการเรียนการสอนภาษาจีน
ชุด "50 สำนวนจีนฮิตติดปาก"

建议 โพสต์แนะนำ

สำนวนจีน VS สำนวนไทย Part 5 [W]

สำนวนจีนที่ขึ้นต้นด้วยพินอิน w  挖墙脚  [wāqiángjiǎo]  โค่นล้ม (比喻拆台) 外强中干  [wàiqiángzhōnggān]  แข็งนอกอ่อนใน/ภายนอกดูแข็งแรงแท้จริงแล้วอ่อนแอ ...