7/11/2556

听你的 ก็แล้วแต่คุณ




สำนวนจีน 听你的
听你的 Tīng nǐ de [ทิงหนี่เตอะ = ก็แล้วแต่คุณ]

 
ตัวอย่างประโยค
 
对话一 บทสนทนา 1
A: 你说,咱们几点出发好?
    Nǐ shuō zán men jǐ diăn chū fā hăo?
    หนี่ซัว จั๋นเมินจี๋เตี่ยนชูฟาห่าว?
    คุณว่าเราออกเดินทางกันกี่โมงดี

B: 听你的 Tīng nǐ de
    ทิงหนี่เตอะ = แล้วแต่คุณก็แล้วกัน

对话二 บทสนทนา 2

A: 咱们去哪个商场呢?
    Zán men qù nă gè shāng cháng ne?
   จั๋นเมินชวี่หน่าเก้อซังเตี้ยนเนอ
    = พวกเราไปร้านค้าที่ไหนดี

B: 听你的 Tīng nǐ de
    ทิงหนี่เตอะ = แล้วแต่คุณก็แล้วกัน
 


ติดตามสำนวนอื่นๆ เพิ่มเติมได้จาก
ดีวีดีเพื่อสื่อการเรียนการสอนภาษาจีน
ชุด "50 สำนวนจีนฮิตติดปาก"

7/09/2556

ศิลปะการป้องกันตัวของจีน


ต้นกำเนิดศิลปะป้องกันตัวของจีน สามารถสืบหาได้ว่า เริ่มมีในช่วงสมัยสังคมดั้งเดิม ขณะที่มนุษย์ใช้เครื่องมือต่างๆ อย่างกระบี่กระบองเพื่อต่อสู้กับสัตว์ และค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์การปะทะโจมตีป้องกันตัวเรื่อยมา ผู้คนจึงนำเอาท่าทางอย่างการเตะ ต้อย หมัด มวย มาเรียบเรียงลำดับเป็นชุดกระบวนท่าต่างๆ ขึ้นมาเพื่อใช้ฝึกซ้อม ภายหลังจึงเกิดชุดกระบวนท่าที่แตกต่างกันออกมานับไม่ถ้วน



กังฟู (功夫)กายและใจรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
กังฟูเรียกได้ว่าเป็นศิลปะการต่อสู้จีนอย่างหนึ่ง สามารถแบ่งออกเป็นหลายพรรคและหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น หมัดใต้เท้าเหนือ กระบองใต้หอกเหนือ และยังมีวิทยายุทธเส้าหลิน อู่ตังเหมิน กระบี่ไท้เก๊ก มวยหย่งชุน เป็นต้น


จีนได้ปรากฏผู้ฝึกวิชาศิลปะป้องกันตัวที่โด่งดังขึ้นมากมาย อาทิเช่น ผู้รักชาติในช่วงปลายสมัยราชวงศชิง นามว่า ฮั่วหยวนเจี๋ย (霍元甲) หรือจะเป็น จากซานฟง (张山丰) เจ้าสำนักบู๊ตึ๊ง และบรู๊ซลี (李小龙- หลีเสี่ยวหลง) ดาราจอเงินยักษ์ใหญ่ผู้คิดค้นชุดกระบวนท่าเจี๋ยเฉวียนเต้า
จุดเด่นของศิลปะการต่อสู้แบบจีนอยู่ที่การฝึกฝน ไม่เพียงเพื่อเอาชนะในการประลองเท่านั้น แต่เพื่อให้กายใจรวมเป็นหนึ่งเดียว การฝึกซ้อมแต่ละชุดมีความแตกต่างกัน โดยรวมแล้วประกอบไปด้วย ท่าพื้นฐาน ชุดกระบวนท่า กำลังภายใน กำลังภายนอก ซึ่งใช้การฝึกมือไม้ สายตา ร่างกาย ก้าวย่าง จิตใจ และพละกำลัง เหล่านี้เป็นหลักสำคัญ

ในปัจจุบันสมาคมศิลปะการต่อสู้นานาชาติต้องการส่งเสริมศิลปะการต่อสู้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงแบ่งการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เป็นสามประเภทใหญ่ๆ ด้วยกันคือ หมัดยาว หมัดใต้ และมวยไท้เก๊ก ในอนาคตศิลปะการต่อสู้แบบจีนนี้อาจเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในโอลิมปิกก็ได้
ศิลปะการต่อสู้เส้าหลิน (少林功夫)


มวยไท้เก๊ก (太极拳Tàijīquán ไท่จี๋เฉวียน)ไท้เก๊กเป็นศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่งของจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากมวยไท้เก๊กเน้นการฝึกเพื่อบำบัดโรคและรักษาสุขภาพ ทั้งยังช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน จนทำให้เป็นที่ชื่นชอบและแพร่หลายกันในหมู่คนต่างชาติรวมถึงคนไทย มวยไท้เก๊กนั้นมีทั้งหมด 108 กระบวนท่า เป็นท่ารำที่อ่อนช้อยและวิธีการหายใจ ซึ่งเป็นผลดีต่อระบบการทำงานของปอดและหัวใจ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
มวยไท้เก๊ก ศิลปะป้องกันตัวถูกบรรจุเข้าในการแข่งขันเอเชียนเกมส์เมื่อปี คศ. 1990 ไม่จำกัดสัญชาติของผู้เข้าแข่งขัน และไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องแต่งกายจีน

ศิลปะการต่อสู้เส้าหลิน
ตั้งชื่อตามชื่อวัดเส้าหลิน (少林)และวัดแห่งนี้เองก็มีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เล่ากันว่าปรมาจารย์ตั๊กม๊อ (达摩祖师) เป็นผู้คิดค้นศิลปะการต่อสู้เส้าหลินขึ้น เพื่อใช้ในการฝึกฝนจิตใจและร่างกาย ในขณะฝึกฝนนอกจากจะฝึกมือเปล่าแล้ว ยังมีการใช้อาวุธต่างๆ เช่น กระบองหรือกระบี่ เป็นต้น จากนั้นได้แตกแขนงออกเป็นศิลปะการต่อสู้อีกกว่า 100 ชนิด สำหรับพระที่วัดเส้าหลินแล้ว การฝึกฝนไม่ใช่เพียงเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแกร่งเท่านั้น ยังสามารถพัฒนาตนเองและคุณธรรม รวมไปถึงการปกป้องวัดและช่วยเหลือผู้คนอีกด้วย




เครดิต หนังสือการ์ตูน
อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ฉลาดรู้ทุกเรื่องของเมืองจีน
สำนักพิมพ์ THONGKASEM
 

7/07/2556

การใช้ 几 และ 多少


“几” (jĭ จี่ = กี่) และ “多少” duō shăo (ตัวเส่า = เท่าไหร่)

“几” และ “多少” เป็นคำที่ใช้ในการถามจำนวน “几” ใช้สำหรับถามจำนวนที่ผู้ถามคาดว่าน่าจะมีจำนวนไม่มากนัก โดยทั่วไปจะใช้ถามจำนวนที่น้อยกว่า 10

ส่วน “多少” ใช้สำหรับถามจำนวนที่มากกว่า 10

 


 

你家有几口人?หนี่เจียโหย่วจี๋โข่วเหริน?
ครอบครัวคุณมีสมาชิกกี่คน

你住几号楼? หนี่จู้จี่ฮ่าวโหลว?
คุณอาศัยอยู่ชั้นไหน (ชั้นบนอาคาร)

你的房间号是多少?หนี่เตอฝังเจียนฮ่าวซื่อตัวเส่า?
บ้าน(ห้อง)ของคุณเลขที่เท่าไร

你的手机号是多少? หนี่เตอโส่วจีฮ่าวซื่อตัวเส่า?
โทรศัพท์มือถือของคุณหมายเลขอะไร
 

เครดิต:
สถาบันขงจื้อ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

7/05/2556

紫禁城 (Zǐjìnchéng จื่อจิ้นเฉิง)

紫禁城 (Zǐjìnchéng จื่อจิ้นเฉิง)
 เมืองต้องห้าม (สีม่วง?)



เมืองต้องห้าม หรือ พระราชวังต้องห้าม เป็นชื่อเดิมของ พระราชวังโบราณ (故宫 Gù gōng กู้กง)
ซึ่งเป็นพระราชวังที่ประทับและว่าราชการของจักรพรรดิจีนสมัยราชวงศ์หมิงและชิง คำว่าพระราชวัง
ต้องห้ามใช้อักษรจีน ๓ ตัวคือ紫 (zǐ จื่อ) แปลว่า “สีม่วง” 禁 (jìn จิ้น) แปลว่า “ห้าม” และ
(chéng เฉิง) แปลว่า “เมือง” หลายท่านคงสงสัยว่าแล้วสีม่วงมาเกี่ยวอะไรด้วย บางคนเข้าใจ
เพี้ยนไปว่าสถานที่แห่งนี้เรียกว่า “พระราชวังต้องห้ามสีม่วง” แถมยังอธิบายว่าที่เรียกเช่นนี้เพราะสี
ของกำแพงและหลังคาเป็นสีม่วง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผิด เพราะที่จริงแล้วกำแพงเป็นสีแดง และ
หลังคาเป็นสีเหลือง แล้วสีม่วงในที่นี้คืออะไร

ที่จริงแล้วคำว่า 紫 (zǐ จื่อ) ในที่นี้มาจากคำว่า 紫微星 (Zǐwēixīng จื่อเวย์ซิง) ซึ่งเป็นดวงดาว
แห่งจักรพรรดิ “ดาวจื่อเวย์” นี้เป็นชื่ออีกเรียกอย่างของดาวเหนือ (北极星 běijíxīng เป่ย์จี๋ซิง)
ความเชื่อจีนโบราณเชื่อว่าดาวเหนือ หรือวังดาวเหนือเป็นศูนย์กลางของวังสวรรค์
ดังนั้นคำว่า紫 (zǐ จื่อ) ในที่นี้ จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับสีม่วงแต่อย่างใดนะครับ



ขอบพระคุณข้อมูลจาก facebook แฟนเพจ เรื่องจีนๆ  ค่ะ

7/04/2556

我请客 ฉันเลี้ยงเอง

สำนวนจีน 我请客
我请客 ! Wŏ qǐng kè [หวอฉิ่งเค่อ = ฉันเลี้ยงเอง]
 


 

ตัวอย่างประโยค

对话一 บทสนทนา 1


A: 咱们去外面吃饭吧!
    Zán men qù wài miàn chī fàn ba!
    จั๋นเมินชวี่ไว่เมี่ยนชือฟ่านปะ
   = พวกเราไปทานข้าวข้างนอกกันเถอะ

B: 我请客
    Wŏ qǐng kè
    หวอฉิ่งเค่อ = ฉันเลี้ยงเอง

对话二 บทสนทนา 2

A: 我请客 Wŏ qǐng kè
    หวอฉิ่งเค่อ = ผมเลี้ยงเอง

B: 上次你刚请过 今天我请吧!
    Shàng cì nǐ gāng qǐng guò, Jīn tiān wŏ qǐng ba!
    ซั่งชึหนี่กังฉิ่งกั้วว จินเทียนหวอฉิ่งปา
    = ครั้งที่แล้วคุณเพิ่งจะเลี้ยงไป วันนี้ผมเลี้ยงเองนะ
 






ติดตามสำนวนอื่นๆ เพิ่มเติมได้จาก
ดีวีดีเพื่อสื่อการเรียนการสอนภาษาจีน
ชุด "50 สำนวนจีนฮิตติดปาก"


建议 โพสต์แนะนำ

สำนวนจีน VS สำนวนไทย Part 5 [W]

สำนวนจีนที่ขึ้นต้นด้วยพินอิน w  挖墙脚  [wāqiángjiǎo]  โค่นล้ม (比喻拆台) 外强中干  [wàiqiángzhōnggān]  แข็งนอกอ่อนใน/ภายนอกดูแข็งแรงแท้จริงแล้วอ่อนแอ ...