7/27/2553

เครื่องแต่งกาย


泰国的衣饰服装

泰国人的服装,总的来说比较朴素,在乡村多以民族服装为主。泰族男子的传统民族服装叫"绊尾幔"纱笼和"帕农"纱笼。帕农是一种用布缠裹腰和双腿的服装。 绊尾幔是用一块长约3米的布包缠双腿,再把布的两端卷在一起,穿过两腿之间,塞到腰背处,穿上以后,很像我国的灯笼裤。由于纱笼下摆较宽,穿著舒适凉爽, 因此它是泰国平民中流传最长久的传统服装之一。

  女筒裙是泰国女子下装,曼谷王朝拉玛六世时期(1910-1925)开始流行。筒裙同纱笼一样,布的两端宽边缝合成圆筒状,穿时先把身子套进 布筒里,然后用右手把布拉向右侧,左手按住腰右侧的布,右手再把布拉回,折回左边,在左腰处相叠,随手塞进左腰处。穿时也可以用左手以同样动作向相反方向 完成。

  随着社会的发展和外来的影响,当代泰国人的着装也发生了很大变化。农村青年人中穿西裤和衬衣的已相当普遍。城市里的男子惯于穿制服、西装,大多数场合可穿长裤、衬衣,领带系不系均可。女子则喜欢穿西服裙,大概受女子传统服装筒裙的影响,西服裙一般裁剪得十分合体,紧紧围于臀部。裙子随年龄的差 异长短有所不同,但上衣的式样就千变万化了。

7/23/2553

ประวัติศาสตร์ไทย

泰国的历史

泰国目前之地方,于几千年前即有人居住,但并不是泰族。据一般的了解,泰族是发源于中国的南部,而于公元第十一与十二世纪才移居到目前的泰国。考古学家在 泰国东北部的曼清发现许多古老的遗迹,证明泰国的文化起源于大约五千年前的青铜文化期。史前正确的资料至目前仍然不明,因为泰国的风俗和残存的文化一直在 变动,而且很少记载下来,尤其在第十八世纪,由于受到外族的侵略而毁了不少早期的文物。
  公元第十三世纪末,泰国史上的第一位最英明的国王---孟莱大帝,就在目前泰国北部的清莱与清迈一带建立了一个繁荣的社会,当时所兴建的庙宇显示受到佛教很大的影响。一般而言,泰国除了受到印度佛教的影响外,孟族、高棉族对泰国的影响也不少。
  泰国最大的民族是泰族,这些住在北部的民族,早期己够自给自足,但他们的军事力量却相当薄弱,在公元十三世纪初,终被邻国吴哥王朝的高棉族所 征服,不过,这段入侵时间并不长,泰族在1238年打了一次胜仗,从高棉人手中夺回素可泰城,并建立起泰国历史上的第一个王朝,定都素可泰。
  素可泰在巴利文里的意思是“幸福的黎明”。当时,泰国还没有统一的文字,因此用“素可泰”作为第一个王朝的年号,以表明新时期的开始。

  素可泰王朝的君主为兰甘杏大帝,他被泰国人尊称为“泰国之父”。其最大的贡献,是将国内通行的真腊(即高棉)文字,改创成泰国自己的文字,约在1283年,泰文开始在全国流行。

  兰甘杏大帝受人尊重的另一个原因,是他团结各族,以平等方式对待泰族以外的少数民族如高棉、马来人和华人。他本身亦崇尚佛教,并派信徒至锡兰(今斯里兰卡)学习佛经,让他们回国后宣扬小乘佛教教义。
  素可泰王朝建立后,国泰民安,其势力开始向湄南河盆地流域扩展。到公元十四世纪初期,素可泰王朝的势力,己经影响整个马来半岛和老挝(即寮国)一带。

  兰甘杏去世后,强盛一时的王朝逐渐衰弱下去。此时,泰国东部的一股泰族势力,正在日益壮大,很快蔓延到中部地区。1347年,一名太守的女婿 拉玛铁菩提,结集兵力在湄南河和巴塞河的汇合地方,建立了一座新城,取名阿育他(华人称之为大城),并立号为王,这就是后来的大城王朝。

拉玛铁菩提称王后,立即展开外交和军事攻势,有意占领整个湄南河流域,包括北部的素可泰王朝。他的精明思想和治国才能,为大城王朝的基业奠定了基础,且取代了素可泰王朝的地位。
  大城王朝维持了四百多年,经历三十三位君主。十五世纪末,绕非洲好望角至东方之航线开辟后,欧洲人开始前往泰国通商。首先到来的是葡萄牙人,他们占领了马六甲一带后,于1512年抵达大城,从此,荷兰人、英国人和法国人亦相继而来,企图在泰国这块富饶土地上获得利益。

  此外,泰国与邻国缅甸在这一时期经常发生冲突,持续了一段很长时间。

1767年,缅军再次攻入大城,城内的王宫、佛寺、民房和艺术宝藏均被摧毁。昔日的辉煌殿阁,如今只存残垣断壁,荒草遍地,仅供游人凭吊而己

6/25/2553

春晓 รุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ

春晓 chūn xiăo  รุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ
孟浩然เมิ่งเฮ่าหราน

春  眠  不  觉   晓 ,ในฤดูใบไม้ผลิ นอนจนไม่รู้ว่าเช้า
chūn mián bù júe xiăo
处  处  闻  啼  鸟 。ทุกหนทุกแห่ง ได้ยินเสียงนกร้อง
chù chù wén tí niăo
夜  来  风  雨  声 ,กลางคืนมาถึง มีเสียงลมและฝน
yè lái fēng yŭ shēng
花  落  知  多  少 。ดอกไม้ร่วงไม่รู้ว่าเท่าใด
huā luà zhī duō shăo

  
读孟浩然诗感兴  จีนเด็ดดอกไม้

诗琳通  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

春  眠  不  觉   晓 ,ชุนเทียนนอนได้ไปถึงเช้า
处  处  闻  啼  鸟 。ทุกแห่งเราได้ยินปักษา
夜  来  风  雨  声 ,ค่ำคืนเสียงลมฝนพัดมา
花  落  知  多  少 。ดอกไม้ร่วงไม่รู้ว่าเท่าใด

花  繁  须  早  折    จะปล่อยร่วงไปใยเสียดายนัก
勿  待  香  韵  消    เพื่อนรักผู้มีจิตแจ่มใส
花  浓  情  也  重    จงเด็ดดมรมย์รื่นชื่นหทัย
君  心  爽  且  豪    บุปผาคือน้ำใจไมตรี

友  情  深  如  海    สุขล้ำสัมพันธ์ฉันมิตร
前  程  万  里  遥    พาชีวิตเรืองรุ่งมุ่งเกียรติศรี
姹  紫  嫣  红  日    ดอกไม้หลากหลายมากมี
春  园  兢  多  娇    แต่ล้วนงามดีไม่แพ้กัน

中  泰  手  足  情    จะเป็นจีนเป็นไทยใช่ใครอื่น
绵  廷  千  秋  好    จงชมชื่นผูกจิตสนิทมั่น
撷  花  相  馈  赠    เด็ดผกาแทนใจผูกพัน
家  国  更  妖  娆    แบ่งปันประดับเรือนเตือนตาเอย

注释:หมายเหตุ
诗琳通公主在给友人的一封信中提到孟浩然的《春晓》这首诗时曾说:“我很喜欢这首诗, 读来好像人在情浓,一切都令人心旷神怡。 我去澳大利亚时,参观过博物馆———不记得是在哪座城市了。在中国文物收藏室的墙上就贴有这首诗,可见是名作。”
正因为如此。当帕特亚拉民乐团的指挥请求诗琳通公主主赐矛模仿中国风格的泰国古典乐曲 《探桃花》曲词之时, 公主便把译好多年的《春晓》赐给了他们,《春晓》也变成了《探桃花》的第一篇唱词。后来公主又把 《春晓》这首诗加以扩充, 写成了三篇唱词,使其与《探桃花》风格更契合。但写来写去,写成所有的花朵都是好的,都是表达心灵的好工具。探花的目的又是为了献给对方,写了中泰友谊。
1990 年5月初,诗琳通公主写好了这支《探桃花》的唱词。后来,1996 年,当时被聘请为法政大学中文系专家的北京大学泰语专业的裴哓睿副教授将这三篇作品译成了中文。
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงมีลายพระหัตถ์ถึงพระสหายคนหนึ่ง และทรงกล่าวถึงซือ “ชุนเสี่ยว” ของเมิ่งฮ่าวหรานว่า “เราชอบบทกวีบทนี้ อ่านแล้วรู้สึกว่าอากาศสดชื่นดี บรรยากาศยามเช้าตรู่ ตอนที่เราไปออสเตรเลีย ไปพิพิธภัณฑ์จำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน ในห้องที่เก็บศิลปวัตถุจีน เขาเขียนบทกวีบทนี้ติดไว้ข้างฝาห้อง แสดงว่าเป็นบทที่มีชื่อเสียง” (ลายพระราชหัตถ์ลงวันที่ 26 กรกฏาคม 2530 ซือเป็นบทกวีประเภทหนึ่งของจีน)
ด้วยเหตุนี้ เมื่อกำนันสำราญ เกิดผล วงดนตรีพาทยรัตน์ ขอพระราชทานบทร้องประกอบเพลงจีนเด็ดดอกไม้ เถา ซึ่งเป็นเพลงเก่าเพลงหนึ่งของวังบางขุนพรหมและเป็นเพลงสำเนียงจีน จึงทรงนำบทแปลซือ “ชุนเสี่ยว” ซึ่งทรงแปลไว้หลายปีแล้ว มาแต่งเป็นกลอนบทแรกของเพลงนี้ คำว่า “ชุนเสี่ยว” แปลว่า “รุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิ” (ชุน = ฤดูใบไม้ผลิ เสี่ยว = ย่ำรุ่ง รุ่งอรุณ)
บทกวีนี้กล่าวถึงคืนในฤดูชุนเทียน (ฤดูใบไม้ผลิ) ซึ่งอากาศดี ทำให้นอนสบายกว่าฤดูอื่นจึงหลับไปถึงเช้า โดยไม่ทราบว่าตอนกลางคืนระหว่างที่หลับไปนั้น มีลมฝนพัดมา ทำให้ดอกไม้ที่บานในฤดูใบไม้ผลินั้นร่วงหล่นไปเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเคยอธิบายให้พระสหายฟังว่า “บทกวีนี้บางคนเคยบอกว่าเป็นการเปรียบเทียบเหมือนคนเรานอนหลับไม่รู้เรื่องราว ชีวิตคนอื่นจะยากลำบากอย่างไร เราก็ไม่รู้”
ส่วนบทร้องอีก 3 บทต่อมานั้นทรงพระราชนิพนธ์ต่อเติมซือ “ชุนเสี่ยว” เพื่อขมวดให้เข้ากับชื่อเพลง “จีนเด็ดดอกไม้” รับสั่งว่าเขียนไปเขียนมาก็วกมาเป็นว่า ดอกไม้ทั้งหลายล้วนเป็นของดี ใช้เป็นเครื่องแสดงน้ำใจไมตรีได้อย่างดีเลิศ เลยกลายเป็นเด็ดดอกไม้แบ่งปันกันสานเป็นสัมพันธไมตรีจีนกับไทย
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชนิพนธ์เนื้อร้อง “จีนเด็ดดอกไม้ เถา” ในต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2533
ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 ได้มีการแปลบทร้องที่ทรงต่อเติมจากบทกวีจีนทั้ง 3 บทดังกล่าวเป็นภาษาจีน โดยรองศาสตราจารย์ เผยเสี่ยวรุ่ย (Péi Xiăo ruì) แห่งภาควิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ซึ่งได้รับเชิญเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำภาควิชาภาษาจีน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อยู่ในขณะนั้น

จากหนังสือ หยกใสร่ายคำ
พระราชนิพนธ์แปลบทกวีจีนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี

5/05/2553

不入虎穴 焉得虎子 ไม่เข้าถ้ำเสือ ใยจะได้ลูกเสือ

东汉时代 班超根匈奴打仗 ,立下汗马功劳,接着朝廷派出使西域 ,进行连络工作。 他首先到了鄯善国,起初国王很敬重他,但隔不多时, 却对他们很怠慢,班超料定匈奴也派人连络 鄯善, 而使国王踌躇,不知顺从哪一边为好,于是便约集同去的人饮酒,向大家说:[现在我们都处在危险的境地里了, 匈奴也派人来连络鄯善, 鄯善的国王对我们这么冷淡,如果让他把我们绑起来送给匈奴,我们连骸骨也要给豺狼吃掉, 你们以为该怎么办呢? ]
大家坚决地异口同声说: [ 不管死或生, 我们一致听从你的主张. ] 于是, 班超激动地说, [不入虎穴不得虎子. 唯一的办法, 就在今晚用火攻击匈奴派来的人, 把他们一网打尽。只有如此鄯善的国王才能诚心归顺汉朝,我们的大工也就达成了。]  当天晚上班超便率领同去的三十六人攻击多数的匈奴人员,由于他们的勇敢,获得了预期的胜利。
后来的人,就根据班超所说的话,引伸成 [不入虎穴, 焉得虎子] 这句话,用来说明人不下定决心,不深入险境,不经过艰难苦斗,绝不能获得成功的果实。
ไม่เข้าถ้ำเสือ ใยจะได้ลูกเสือ
รัชสมัยตงฮั่น ปันเชาทำการสู้รบกับมองโกลจนเกิดมีความดีความชอบ ราชสำนักจึงได้ส่งเขาไปเป็นฑูตที่เมืองซียวี่ (เป็นเมืองที่อยู่ชายแดนแถบมองโกล) เพื่อทำการเจรจา ปันเชาเดินทางไปถึงเมืองซ่านซ่านก่อน ตอนแรกเจ้าเมืองก็ให้ความเคารพนอบน้อมต่อเขา แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง กลับปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชา ปันเชาคาดว่าทางมองโกลจะต้องส่งคนมาเจรจากับเจ้าเมืองซ่านซ่านด้วยเช่นกัน  ทำให้เจ้าเมืองซ่านซ่านเกิดความลังเลว่าควรจะโอนอ่อนคล้อยตามฝ่ายใดดี  ปันเชาจึงนัดชุมนุมดื่มกินกับผู้ที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน และพูดกับทุกคนว่า “ตอนนี้ เรากำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน มองโกลก็ส่งคนมาเจรจากับซ่านซ่าน เจ้าเมืองซ่านซ่านตอนนี้ไม่แยแสพวกเราแล้ว ถ้าหากเขาจับพวกเรามัดแล้วส่งให้มองโกลละก็ แม้แต่โครงกระดูกก็คงจะถูกทิ้งให้หมาป่ากินเป็นแน่ พวกท่านคิดว่าเราควรทำอย่างไรกันดี”
ทุกคนยืนกรานพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ว่าเป็นหรือตาย พวกเราทั้งหมดจะขอยึดตามความคิดเห็นของท่านทุกประการ” ปันเชารู้สึกซาบซึ่งใจ พูดว่า “หากไม่เข้าถ้ำเสือ เราก็จะไม่ได้ลูกเสือออกมา” “มีวิธีเดียวก็คือคืนนี้เราจะใช้ไฟเข้าไปจู่โจมคนของมองโกล จัดการพวกมันให้ราบคาบ วิธีนี้ถึงจะสามารถทำให้เจ้าเมืองซ่านซ่านหันกลับมาสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ฮั่นเหมือนเดิม งานของพวกเราจึงจะถือว่าสำเร็จลุล่วง” 
ในคืนวันนั้นเอง ปันเชาได้นำผู้ร่วมเดินทางเพียง 36 คนบุกเข้าจู่โจมผู้คนจำนวนมากที่มาจากมองโกล ด้วยความกล้าหาญ การบุกโจมตีครั้งนี้จึงทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะดั่งที่คาดไว้
คนรุ่นหลัง ได้ยึดตามคำพูดของปันเชาและแผลงมาเป็นประโยคที่ว่า “ไม่เข้าถ้ำเสือ ใยจะได้ลูกเสือ” เพื่อใช้อธิบายถึง “ผู้ที่ไม่สามารถตัดสินใจอย่างแน่วแน่เมื่อจะทำอะไร หรือผู้ที่ไม่กล้าเผชิญหน้าและต่อสู้กับความยากลำบาก ก็จะไม่สามารถเป็นผู้ที่ประสบกับความสำเร็จได้เลย”

生词:
穴    xùe   ถ้ำ, โพรง
焉    yān   ไฉน, ใย
匈奴    xiōng-nú  ชนเผ่ามองโกล
立下    lì-xià  ได้ทำไว้, ก่อไว้, ตั้งไว้
连络    lián-luò  ติดต่อเจรจา
敬重    jìng-zhòng เคารพนอบน้อม
汗马功劳   hàn-mă-gōng-láo  ความดีความชอบ
朝廷  cháo-tíng  ราชสำนัก
隔不多时  gē-bù-duō-shí  พอไม่นาน
怠慢   dài-màn  เฉื่อยชา, เย็นชา
料定  liào-dìng  คาดคะเน, คาดไว้
踌躇  chóu-chú  ลังเล
于是  yū-shì ดังนั้น
约集  yūe-jí  นัดชุมนุม
境地  jĭng-dì  เขต
冷淡  léng-dăn เย็นชา, ไม่แยแส
绑  bāng  มัด (กริยา)
骸骨  hái-gŭ  โครงกระดูก
豺狼  chái-láng หมาป่า
异口同声  yí-kŏu-tóng-shēng  พูดพร้อมเพรียงกันขึ้นมาโดยไม่ได้นัดแนะ
一致  yí-zhì ทั้งหมด
听从  tīng-cóng  เชื่อฟัง
攻击  dă-jí จู่โจม
一网打尽  yī-wăng-dă-jìn  จับทีเดียวให้หมด, จัดการให้ราบคาบ
如此  rú-cĭ ดังนี้, เช่นนี้
诚心  chéng-xīn  จริงใจ
归顺  gūi-shùn สวามิภักดิ์, ภักดี
达成  dá-chéng บรรลุผล, สำเร็จ
率领  shuài-lĭng นำพา
预期  yù-qí คาดคะเน, เตรียมไว้ก่อน
胜利  shèng-lì ชัยชนะ
深入  shēn-rù ล่วงล้ำเข้าสู่..
险境  xián-jĭng เขตที่อันตราย
苦斗  kŭ-dòu ความยากลำบาก
绝不能  júe-bù-néng ไม่ได้อย่างเด็ดขาด, ไม่สามารถทำได้อย่างเด็ดขาด

建议 โพสต์แนะนำ

สำนวนจีน VS สำนวนไทย Part 5 [W]

สำนวนจีนที่ขึ้นต้นด้วยพินอิน w  挖墙脚  [wāqiángjiǎo]  โค่นล้ม (比喻拆台) 外强中干  [wàiqiángzhōnggān]  แข็งนอกอ่อนใน/ภายนอกดูแข็งแรงแท้จริงแล้วอ่อนแอ ...